เปิดเบื้องหลังความสำเร็จเครื่องสำอางไทย 1 ใน 10 อุตสาหกรรมที่น่าจับตามองในปี 2022 ‘Mistine’ โด่งดังไปได้ไกลในตลาดจีน

หนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูงในปี 2565 คืออุตสาหกรรมเครื่องสำอาง จากเทรนด์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและความงามมากขึ้น ขณะที่จะเติบโตได้จากการซื้อขายออนไลน์ ซึ่งมีเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มให้ความสะดวกสบายมากขึ้น

สอดคล้องกับข้อมูลจาก ‘กรมพัฒนาธุรกิจการค้า’ ที่มองว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเป็นหนึ่งใน 10 ธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2565 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 4 ปัจจัยดังนี้

1. กระแสการดูแลสุขภาพ การดูแลตนเอง
2. ความนิยมในการซื้อสินค้าเครื่องสำอางผ่านช่องทางออนไลน์
3. ความหลากหลายของสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง
4. โครงสร้างธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจตัวแทนทำให้มีการขยายตัวมากขึ้น

ขณะที่ตลาดเครื่องสำอางไทยในประเทศจีนก็มีโอกาสเติบโตสูงมากเช่นเดียวกัน โดยข้อมูลจาก ‘สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ’ ระบุว่า เครื่องสำอางที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง Mistine (มิสทิน) ถือว่าเป็นหนึ่งในสินค้าไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดจีน

โดยปัจจุบัน Mistine ได้รับเงินลงทุนกว่า 200 ล้านหยวน ราว 1,056.07 ล้านบาท เพื่อการวิจัยและพัฒนาสินค้า การสนับสนุนห่วงโซ่อุปทาน และการโปรโมทสินค้าในตลาดจีน

ซึ่ง Mistine เริ่มเข้าสู่ตลาดจีนตั้งแต่ปี 2016 หรือราว 6 ปีที่แล้ว โดยแบรนด์มีจุดเด่นคือ “ผสมผสานยีนของเครื่องสำอางไทยและจีน” ได้แก่ กันน้ำกันเหงื่อ ติดคงทน โดยมีซีรี่ส์เครื่องสำอางที่โดดเด่นผ่านการวิจัยเฉพาะเพื่ออากาศหน้าร้อน ประกอบด้วย ครีมกันแดด เบส รองพื้น คุชชั่น คอนซิลเลอร์ และแป้ง ซึ่งในปัจจุบัน Mistine ถือเป็นแบรนด์เครื่องสำอางประเภทรองพื้นและครีมกันแดดที่ใหญ่ที่สุดบนแพลตฟอร์ม Tmall

นอกจากนี้ครีมกันแดดรุ่นฝาสีส้ม ยังมียอดขายอันดับหนึ่งบน Tmall คิดเป็นจำนวนถึงสิบล้านชิ้น และในมหกรรมคนโสด 11.11 ในปี 2021 ที่ผ่านมา สินค้ายังติดอันดับ 1 ของสินค้าประเภทครีมกันแดดบนแพลตฟอร์ม Tmall Global

อีกทั้งติดอันดับ 1 ของสินค้าประเภทครีมกันแดดนำเข้าที่ผู้ใช้กลับมาซื้อมากที่สุดและมีรีวิวที่ดีที่สุดอีกด้วย

โดยเบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ Mistine ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในตลาดจีน มี 5 ข้อที่สำคัญ ดังนี้

1. ผนึกรวมผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตเข้าไว้ด้วยกันบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศจีน) จำกัด ร่วมมือกับ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งแบรนด์ Mistine ในประเทศจีนขึ้น นำทีมโดยสองผู้ก่อตั้ง ได้แก่ Zhuang Baoxia ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมเครื่องสำอางกว่า 20 ปี ในบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่อย่าง L’OREAL และ Yu Yu ผู้ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตกว่า 10 ปี จึงถือว่าเป็นบริษัทที่ศักยภาพทั้งในด้านเครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตที่เชี่ยวชาญเรื่องการประชาสัมพันธ์ การจำหน่ายสินค้า บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ เป็นต้นโดย Mistine จำหน่ายในช่องทางออนไลน์กว่า 95%

2. ผู้บริโภคชาวจีนเปิดใจรับสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น และการปรับตัวที่รวดเร็วของแบรนด์ ผู้บริโภควัยรุ่นชาวจีนหันให้ความสนใจกับเครื่องสำอางแบรนด์ใหม่ๆ มากขึ้น และชื่อเสียงและคุณภาพของสินค้า ไทยมากขึ้น เนื่องจากใช้งานง่าย บรรจุภัณฑ์มีความทันสมัย ราคาเป็นมิตร จึงแสดงให้เห็นได้ว่าผู้บริโภคจีนเปิดใจยอมรับสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น นอกจากนี้ช่วงก่อนการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 นักท่องเที่ยวจีนสามารถเดินทางไปเที่ยวประเทศไทยได้ เครื่องสำอาง Mistine จะเป็นสินค้าของฝากหรือเป็นสินค้าที่นักท่องเที่ยวจีนซื้อติดมือกลับไป แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ครีมกันแดด Mistine มีชื่อเสียงในประเทศจีนเนื่องจากสินค้ามีคุณภาพดี จึงเป็นที่บอกต่อกันในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน นอกจากนี้ Mistine ยังมีการทำวิจัยสินค้าให้เข้ากับสภาพผิวของผู้หญิงชาวเอเชียและปรับสูตรเครื่องสำอางให้เหมาะสมกับยุค new normal ที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาอีกด้วย

3. ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง นอกจากการทำวิจัยและพัฒนาสินค้าที่โดดเด่นของแบรนด์แล้ว Mistine ยังมีห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง บริษัทแม่ในประเทศไทย มีประสบการณ์การผลิตเครื่องสำอางมากกว่า 40 ปี มีโรงงาน OEM ขนาดใหญ่ มีกำลังการผลิตสูง สามารถผลิตสินค้ามีที่คุณภาพและได้รับมาตราฐานสากล กำลังการผลิตมากกว่า 5 หมื่นชิ้นต่อวัน และยังเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง Shiseido อีกด้วย นอกจากนี้บริษัทแม่ในประเทศไทยยังมีจุดขนถ่ายสินค้าของตนเองที่มีพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร และโกดังเก็บสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิได้ สามารถขนถ่ายสินค้าได้มากกว่า 85,000 ชิ้นต่อวัน จึงสามารถตอบสนองความต้องการของสินค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้ ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งนี้ทำให้ Mistine เป็นผู้นำด้าน OEM ระดับประเทศได้

4. Mistine มีการทำการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์เช่น ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2565 Mistine ได้ร่วมมือกับ แพลตฟอร์ม Tmall จัดแคมเปญรถมินิบัส ซึ่งเป็นกิจกรรมโปรโมทสินค้าสไตล์ไทยเพื่อโปรโมทสินค้าใน 100 มหาวิทยาลัย 4 เมืองใหญ่เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มวัยรุ่น Gen Z อีกด้วย

5. มุมมองของนักลงทุนต่อ Mistine ประเทศจีน Mistine มีจุดเด่นหลายอย่างที่ทำให้ได้รับเงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 200 ล้านหยวน อาทิ เช่น ประสบการณ์ของสินค้าเครื่องสำอางเมืองร้อนกว่า 34 ปี และลักษณะการบริหารของ Mistine ประเทศจีน ซึ่งมีลักษณะเป็นบริษัท Start up สามารถปรับตัวและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วเป็นต้น

ทั้งนี้ Mistine ประเทศจีน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเครื่องสำอางไทยที่สามารถเจาะตลาดจีนได้สำเร็จ ซึ่ง Mistine ไม่เพียงแต่จำหน่ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีการวางแผนอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับผู้บริโภคชาวจีน พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงจุดเด่นของสินค้า Mistine ประเทศไทยดั้งเดิมคือ คุณภาพดี ราคาเหมาะสม เป็นเครื่องสำอางเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน มีห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งทำให้แบรนด์สามารถกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้การประชาสัมพันธ์ การทำการตลาดยังมีครบทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์ ผู้ประกอบการไทยอาจใช้แบรนด์ Mistine เป็นกรณีศึกษาเพื่อวางแผนการพัฒนาสินค้าเพื่อเจาะตลาดจีนต่อไป

ที่มา :สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #เครื่องสำอาง #Mistine