‘เซ็นทรัลพัฒนา’ โชว์รายได้ Q2 โตแตะ 11,133 ลบ. ฟาดกำไร 3,678 ลบ. หลังผลงานสดใสทุกธุรกิจ

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ผลประกอบการของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้รวมเพิ่มขึ้นในทุกๆธุรกิจ โดยเฉพาะศูนย์การค้า และธุรกิจที่อยู่อาศัย โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการบริโภคภายในประเทศที่ดีขึ้น โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 11,133 ล้านบาท โต 22% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 3,678 ล้านบาท โต 34% จากปีก่อน พร้อมเร่งเติมเต็มธุรกิจ non-retail ในโครงการมิกซ์ยูส เปิดโครงการใหม่ตามแผน ได้แก่ โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับโรบินสันบ้านฉาง ในเดือนพฤษภาคม และคอนโดมิเนียม เอสเซ็นท์ เพชรบุรี ในเดือนมิถุนายน 66 อีกทั้งเดินหน้าแผน sustainable growth ตามแผนธุรกิจ 5 ปี ในการสร้างระบบธุรกิจที่แข็งแกร่งภายใต้โมเดล ‘The Ecosystem for All’ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งมิติ ของ People (ด้านชุมชน และสังคม) และ Planet (ด้านสิ่งแวดล้อม) ผ่านโปรเจ็กต์ต่างๆ ได้แก่

  • โครงการ “Sustainable Tourism Ecosystem” ผลักดันการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยวลงลึกถึงชุมชน เพื่อกระจายรายได้ สร้าง Local Wealth ให้กับชุมชนท้องถิ่นทั่วไทย โดยใช้จุดแข็งของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่เป็นเดสติเนชั่นด้านไลฟ์สไตล์และช้อปปิ้ง และมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ให้เป็นจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางด้านการท่องที่ยว
  • เดินหน้า Journey to NET Zero 2050 จัดงานกรีนเอ็กซ์โปแห่งปี “Better Futures Project” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อส่งเสริมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับโลก พร้อมทั้งริเริ่ม Green Initiatives ใหม่ๆ เช่น จับมือ Green Partnership การไฟฟ้านครหลวง MEA และ SCG ส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ร่วมกับร้านค้าและพันธมิตร, วางแผนออก Sustainability linked loan / bond ใหม่ 10,000 ล้านบาท และ เตรียมเปิดตัว Low Carbon Mall ศูนย์การค้าต้นแบบรักษ์โลกแห่งแรกที่ Central Westville ในเดือนพฤศจิกายน 66 นี้
  • ตอกย้ำการเป็นเดสติเนชั่นในทุกเทศกาล ชูความสำเร็จจากการจัดงาน THAILAND’S PRIDE CELEBRATION 2023 “PRIDE FOR ALL” สุดยิ่งใหญ่ สร้างปรากฏการณ์รวมตัว LGBTQIAN+ กว่า 500 ชีวิต ที่มาร่วมขบวนพาเหรดสะบัดธงสีรุ้ง สัญลักษณ์แห่งความเท่าเทียม ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยตั้งเป้าดันประเทศไทยให้เป็น Top of Pride Destination ระดับโลก ดึงดูดทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

นอกจากนี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ที่ได้รับรางวัลการันตีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รางวัล “Thailand Top CEO of The Year 2023” ประเภทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จัดโดยนิตยสาร Business+ ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ 3 รางวัลยอดเยี่ยม “Best CEO, Best CFO และ Best IR จาก IAA Awards for Listed Companies 2022-2023” สะท้อนความเป็นเลิศรอบด้านในการบริหารจัดการธุรกิจและการเงิน สร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ควบคู่กับการใส่ใจดูแลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดย ยึดหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) จนได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์การลงทุนและ stakeholders

ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 39 โครงการ (ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ ต่างจังหวัด 21 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ, ศูนย์การค้าเอสพละนาด 1 แห่ง และศูนย์การค้าเมกะ บางนา ภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 1 แห่ง) คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 33 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 6 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 29 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT  VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN  (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ)  NINYA (บ้านแฝด) NIYAM (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ NIRATI ที่เชียงใหม่ เชียงราย บางนา และดอนเมือง

โครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเตรียมเปิดในปี 2566-2567 ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (กำหนดเปิด 29 พ.ย.66) เซ็นทรัล นครสวรรค์ (Q1/2567) เซ็นทรัล นครปฐม (Q2/2567) เซ็นทรัล กระบี่ (Q4/2567) และโครงการอื่นๆ ที่เตรียมเปิดในปีนี้ ได้แก่ โรงแรม Centara Ayutthaya โรงแรม Centara One Rayong โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับเซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี และโครงการที่อยู่อาศัย 6 โครงการ (NIRATI นครศรีธรรมราช บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม ESCENT 2 โครงการ) นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Mega Mixed-use “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” big project ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2567 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ กองทรัสต์ CPNREIT ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 31 ก.ค. 2566 ซึ่งผู้ถือหน่วยได้อนุมัติต่อสัญญาเช่าและเพิ่มทุน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในครึ่งหลังของปี 2567 บริษัทฯ และ CPNREIT เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์และช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งต่อผู้ถือหุ้นบริษัทฯ และผู้ถือหน่วยทรัสต์ CPNREIT โดยกระแสเงินสดสุทธิที่บริษัทฯ จะได้รับจะถูกนำไปเป็นเป็นหนึ่งในเงินทุนหมุนเวียนสำหรับสร้างการเติบโตตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ต่อไป ทั้งนี้ CPNREIT ได้รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 เติบโตไปในทิศทางเดียวกับ CPN  มีรายได้รวม 1,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวในทุกธุรกิจ รายได้จากศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานเติบโต 15% อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยทรงตัวระดับสูงที่ 92.6% และจำนวนผู้มาใช้บริการศูนย์การค้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า และรายได้จากโรงแรมโต 16% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนผู้เข้าพักขาวไทยและขาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเกินกว่าคาด พร้อมทั้งประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทนในอัตรา 0.2900 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (yield) สูง ประมาณ 11%

สำหรับทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2566-2570) บริษัทฯ เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งที่ประกาศไปแล้วและยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน รวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน