ยุคค็อกนิทิฟ มาแล้ว !

วานนี้ (22 ธันวาคม 2558) ไอบีเอ็ม (IBM) ประกาศความพร้อม นำเทคโนโลยีวัตสันที่เข้าใจภาษามนุษย์ ผนวกเข้ากับระบบวิเคราะห์ขั้นสูง เปิดให้คำปรึกษาด้านโซลูชั่นค็อกนิทิฟ ซึ่งเป็นสมองกลที่เก็บข้อมูลสำหรับธุรกิจ

เพราะเทคโนโลยีพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ไอบีเอ็ม จึงมองว่า การตั้งเป้าก้าวสู่ธุรกิจดิจิทัลยังไม่ใช่จุดหมายที่แท้จริง แต่การวางรากฐานการก้าวเข้าสู่ยุคค็อกนิทิฟ ซึ่งใช้สมองกลแมชชีนเลิร์นนิ่งอนาไลติกส์ขั้นสูงวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อบริหารความเปลี่ยนแปลงขององค์กร

พรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันยังมีข้อมูลจำนวนมหาศาลกว่า 80% เช่น ภาพ, เสียง, วิดีโอ และแสดงออกทางอารมณ์ต่าง ๆ ในโลกโซเชียล ที่มีความซับซ้อนเกินความสามารถของระบบประมวลผลแบบเดิมจะสามารถวิเคราะห์ได้”

ParnsireeAmatayakul
พรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด

โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลเติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ ค็อกนิทิฟ (Cognitive) คือเทคโนโลยีคอมพิวติ้งรูปแบบใหม่ที่ผสานรวมนวัตกรรมทางด้านอนาไลติกส์ เข้ากับความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่เป็นภาษามนุษย์

รวมถึงความสามารถของระบบในการเรียนรู้ เข้าใจ และให้เหตุผลได้ด้วยตนเอง โดยไอดีซี คาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2561 ครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคจะมีการปฏิสัมพันธ์กับบริการที่มีเทคโนโลยีค็อกนิทิฟอยู่เบื้องหลัง

ขณะเดียวกัน IBM Institute of Business Value ได้สำรวจความคิดเห็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูง (C-Suite) ทั่วโลกกว่า 5,000 คน พบว่า องค์กรส่วนใหญ่ไม่สามารถนำข้อมูลมหาศาลในโลกโซเชียลมาใช้ประโยชน์กับกลุ่มธุรกิจได้

โดย 65% ของผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจประกันต่างมองถึงการปรับโมเดลทางธุรกิจ และเกือบ 30% มองว่า คุณภาพ ความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจที่สำคัญ ๆ

ส่วน 60% ของผู้บริหารระดับสูงธุรกิจค้าปลีก ยอมรับว่า องค์กรตนไม่มีเครื่องมือที่พร้อมสำหรับการส่งมอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลสำหรับลูกค้าอย่างแท้จริง

ซึ่งสอดคล้องกับผู้บริหารกลุ่มธุรกิจการดูแลสุขภาพกว่า 50% ที่ไม่สามารถนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ได้ ทำให้เป็นอุปสรรคในการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ

พรรณสิรี กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากนี้ธุรกิจค็อกนิทิฟไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะทุกอย่างที่เป็นดิจิทัลจะสามารถผนวกความอัจฉริยะของค็อกนิทิฟได้”

ล่าสุด ไอบีเอ็มได้ร่วมกับกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ นำค็อกนิทิฟเข้าเสริมศักยภาพ 5 กลุ่มธุรกิจแล้ว ได้แก่

Watson_Trend_App

กลุ่มธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่: มีการนำโซลูชั่นค็อกนิทิฟ วิเคราะห์ข้อมูลภูมิอากาศท้องถิ่นไปจนถึงข้อมูลเรียลไทม์จากโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกถึงสาเหตุของความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนไป จึงช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการเพิ่มสต็อค กำหนดราคา ตลอดจนคาดการณ์ปริมาณอุปสงค์ได้อย่างแม่นยำ

กลุ่มธุรกิจประกัน: นำความสามารถในการสื่อสารเป็นภาษามนุษย์ของโซลูชั่นค็อกนิทิฟ ไปช่วยตอบคำถามและให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่น่าจดจำให้แก่ลูกค้า

กลุ่มธุรกิจการดูแลสุขภาพ: มีการเตรียมนำเทคโนโลยีด้านพันธุกรรมเข้าช่วยเพิ่มความสามารถในการรักษามะเร็ง
โดยเร่งการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางการรักษาได้อย่างเจาะจงเฉพาะบุคคล โดยผู้บริหาร 84%
มองว่าเทคโนโลยีค็อกนิทิฟจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของแวดวงการดูแลสุขภาพ

กลุ่มธุรกิจการเงิน: มีการนำค็อกนิทิฟเข้าช่วยบริหารความเสี่ยงและให้คำแนะนำด้านการลงทุนแบบเฉพาะบุคคล

แวดวงการศึกษา: มีการนำเทคโนโลยีค็อกนิทิฟไปช่วยพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน