เทียบผลงานบริษัทร้านชาบู-สุกี้ 3 แบรนด์ดัง ใครปังสุดในยุคนี้!

หากจะกล่าวถึงร้านอาหารที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทย คงหนีไม่พ้นร้านอาหารประเภท ‘บุฟเฟต์’ ซึ่งเป็นร้านอาหารที่นอกจากผู้บริโภคจะได้เลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายที่ทางร้านเตรียมไว้ให้แล้ว ยังสามารถทานได้ในปริมาณที่ไม่จำกัด เพียงแค่ปฏิบัติตัวอยู่ภายใต้เงื่อนไขของการทานอาหารบุฟเฟต์ คือการหยิบอาหารในปริมาณที่เหมาะสม สามารถรับประทานได้หมดโดยไม่เหลือทิ้ง ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีเงื่อนไขปลีกย่อยออกไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดเวลาในการรับประทาน หรือการชำระเงินเพิ่มเติมในส่วนของเครื่องดื่ม หรืออาหารบางชนิดที่มีต้นทุนสูง เป็นต้น

โดยในปัจจุบัน ร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ก็มีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบเช่นกัน แต่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เห็นจะหนีไม่พ้นร้านชาบู สุกี้ หมูกระทะ ที่มักจะได้เห็นผู้คนต่อคิวอยู่หน้าร้านเป็นจำนวนมากจนกลายเป็นภาพชินตา และเมื่อได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็นำมาซึ่งผู้ประกอบการที่หันมาให้ความสนใจกับธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนอกจากจะมีการแข่งขันกันในด้านของราคาแล้ว ยังงัดเอากลยุทธ์ที่จะสามารถครองใจผู้บริโภคให้หันมาใช้บริการร้านของตนอย่างดุเดือด

อย่างไรก็ดี หากจะถามว่านาทีนี้ร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ชาบู สุกี้ ใครครองใจผู้บริโภคสูงสุด? อาจเป็นคำถามที่กว้างมากเกินไป ด้วยจำนวนแบรนด์ที่เยอะจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใหญ่ไปจนถึงแบรนด์เล็ก ดังนั้น Business+ จึงได้หยิบยกเอาผลประกอบการของบริษัทเจ้าของร้านชาบู สุกี้ ที่เป็นที่คุ้นหู คุ้นตาสายบุฟเฟต์เป็นอย่างดี มาเทียบกันให้เห็นถึงความปังกันไปเลย โดยได้หยิบยกเอาผลประกอบการของบริษัทเจ้าของร้านชาบู สุกี้ จำนวน 3 บริษัทด้วยกัน ได้แก่ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์สุกี้ตี๋น้อย, บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์โออิชิ-ชาบูชิ และ บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ Mo-Mo-Paradise

โดยเริ่มจาก ‘บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด’ เจ้าของแบรนด์ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ น้องใหม่วงการสุกี้ที่เพิ่งก่อตั้งมาได้ไม่นาน ซึ่งร้านแรกเปิดตัวขึ้นในปี 2561 และด้วยราคาที่ไม่ว่าใครก็จับต้องได้ ส่งผลให้แบรนด์ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ กลายเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าของธุรกิจอย่าง ‘คุณนัทธมน พิศาลกิจวนิช’ จึงได้เปิดตัวสาขาอื่น ๆ เพิ่มเติม และจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2562 เพื่อรองรับการขยายตัวของกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบัน ‘สุกี้ตี๋น้อย’ มีจำนวน 53 สาขา ตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จำกัดระยะเวลาการรับประทานไว้ที่ 2 ชั่วโมง โดยคิดค่าบริการที่ 219 บาท/คน (ยังไม่รวมน้ำรีฟิลล์ และภาษีมูลค่าเพิ่ม)​

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2563-2565) ของ ‘บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด‘ พบว่า

ปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.90% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 499 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 808.95% จากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท

ปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.55% จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.49% จากปี 2563

ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.90% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 299.65% จากปี 2564

ทั้งนี้  ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ถือเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตทั้งในส่วนของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในปี 2562-2565 คิดเป็นการเติบโตของกำไรสูงถึง 3,732%

ขณะที่ ‘บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)’ เจ้าของแบรนด์ชาบูชื่อดัง ‘โออิชิ บุฟเฟต์’ และ ‘ชาบูชิ’ ที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2547 โดย ‘โออิชิ กรุ๊ป’ ไม่เพียงประกอบธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องดื่มอีกด้วย

โดย ‘โออิชิ บุฟเฟต์’ ปัจจุบันมีจำนวนสาขา 17 สาขา จำกัดระยะเวลาการรับประทานไว้ที่ 1 ชั่วโมง 45 นาที ในราคาปัจจุบัน 569 บาท/คน ในเขตกรุงเทพมหานคร และราคา 589 บาท/คน ในเขตต่างจังหวัด

ส่วน ‘ชาบูชิ’ ปัจจุบันมีจำนวนสาขา 126 สาขา จำกัดระยะเวลาการรับประทานไว้ที่ 1 ชั่วโมง 15 นาที ในราคาปัจจุบันชุดมาตรฐาน 399 บาทสุทธิ ในเขตกรุงเทพฯ และราคา 419 และ 429 บาทสุทธิ ในบางสาขาที่ตั้งอยู่ในเขต Tourist area นอกจากนี้ ยังมีบุฟเฟต์กลุ่มพรีเมียม ได้แก่ แพลตตินัม ซีฟู้ด บุฟเฟต์ ราคา 699 บาทสุทธิ และ แพลตตินัม บุฟเฟต์ ราคา 599 บาทสุทธิ (จำนวน 6 สาขา)

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2563-2565) ของ ‘บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)‘ พบว่า

ปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,926 ล้านบาท ลดลง 24.51% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,201 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 918 ล้านบาท ลดลง 6.05% จากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 977 ล้านบาท

ปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,221 ล้านบาท ลดลง 17.97% จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 633 ล้านบาท ลดลง 30.97% จากปี 2563

ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.08% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 893 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.91% จากปี 2564

ด้าน ‘บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด’ เจ้าของแบรนด์ร้านชาบู-สุกี้ยากี้ ‘Mo-Mo-Paradise’ ในประเทศไทย แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 และมีสาขามากกว่า 70 สาขาทั่วโลกในปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์เกี่ยวกับวิธีปรุงน้ำจิ้มในแบบต่าง ๆ เนื่องจากทางร้านมีการเสิร์ฟน้ำจิ้มในรูปแบบที่ลูกค้าสามารถปรุงรสด้วยตัวเองได้ตามใจชอบ อีกทั้งด้วยความที่เป็นร้านชาบู-สุกี้ยากี้ที่มาจากประเทศต้นฉบับ จึงทำให้ ‘Mo-Mo-Paradise’ สามารถครองใจผู้บริโภคในไทยได้เป็นจำนวนมาก

โดย ‘บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด’ ซึ่งดูแลกิจการร้าน ‘Mo-Mo-Paradise’ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2550 ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 29 สาขา จำกัดระยะเวลาการรับประทานไว้ที่ 100 นาที โดยแบ่งราคาเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Mo-Mo-Paradise Standard อยู่ที่ 599 บาท และ Mo-Mo-Paradise (Gold) อยู่ที่ 1,290 บาท ซึ่งยังไม่รวม Vat และ Service Charge ทั้ง 2 ราคา

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2563-2565) ของ ‘บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด‘ พบว่า

ปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 782 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.29% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 764 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.49% จากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 50 ล้านบาท

ปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.47% จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 73 ล้านบาท ลดลง 14.73% จากปี 2563

ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.30% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192.70% จากปี 2564

ที่มา : datawarehouse, oishigroup, mo-mo-paradiseth, wikipedia

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #ชาบู #สุกี้ #ร้านชาบู #ร้านสุกี้ #โออิชิ #ซูกิชิ #สุกี้ตี๋น้อย #ชาบูบุฟเฟต์ #ร้านอาหารบุฟเฟต์ #บุฟเฟต์ #MoMoParadise #โออิชิบุฟเฟต์ #OishiBuffet #Shabushi