บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า โชว์ศักยภาพคว้า 3 รางวัลใหญ่ด้านอาหาร พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจอาหารทั้งในไทยและต่างประเทศ สร้างการเติบโตด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภค ควบคู่กับการขยายตลาดกลุ่มผู้ประกอบการ Food Service พร้อมตอกย้ำแนวคิด “Smart Solutions for Sustainable life” ในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร เบทาโกร เปิดเผยว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2567 ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.2 – 3.2% รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและจิตใจ เลือกอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัยสูง จากแหล่งผลิตที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ ทั้งยังตระหนักถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการบริโภคที่ยั่งยืน เบทาโกรจึงเดินหน้าวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจอาหารเพื่อการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งคิดค้น วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีความหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ Betagro, S-Pure และ Itoham และผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก (Alternative Protein) ซึ่งเป็นนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตจากแบรนด์ Meatly!
โดยในปีนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารเบทาโกรได้รับ 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่ 1) รางวัล Superior Taste Award 2024 โดย “ไข่ไก่สดแช่เย็นเอสเพียว (S-Pure Chilled Eggs)” ได้รับรางวัลในระดับ 3 ดาว และ “ข้าวมันกะทิขมิ้นแกงเขียวหวานไก่ Betagro” ได้รับรางวัลในระดับ 2 ดาว 2) รางวัลนวัตกรรมอาหาร THAIFEX – Anuga Taste Innovation Show 2024 จากเมนู “แกงเขียวหวานเนื้อชิ้นจากพืชพร้อมทาน” แบรนด์ Meatly! และ 3) อาหารพร้อมทานภายใต้แบรนด์ “Betagro” และ “Meatly!” จำนวน 12 เมนูคว้า “ตราสัญลักษณ์ Thai Select ประจำปี 2567” อาทิ ข้าวแกงมัสมั่นไก่ ข้าวแกงเขียวหวานไก่ ไก่สะเต๊ะ หลนเต้าเจี้ยวหมูสับจากพืช น้ำพริกลงเรือหมูสับจากพืช เป็นต้น ซึ่งการันตีรสชาติอาหารยอดเยี่ยมที่ได้มาตรฐานอาหารไทยอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ ผลิตภัณฑ์อาหาร และบริการต่าง ๆ ผ่าน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 โดยในปีนี้ เบทาโกร โชว์ศักยภาพผู้นำนวัตกรรมอาหารคุณภาพชั้นนำระดับสากล โดยส่งสินค้าเรือธงแบรนด์ “S-Pure” ผู้นำตลาดอาหารซุปเปอร์พรีเมียม เนื้อหมู ไก่ ไข่ ที่ผ่านกระบวนการเลี้ยงแบบธรรมชาติ 100% (100% Natural Pure Product) แบรนด์แรกและหนึ่งเดียวของไทยที่ได้รับการรับรอง “การเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics – RWA)” จาก NSF สหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ และที่สำคัญยังเลี้ยงด้วยธัญพืชและวิตามินที่มีประโยชน์มอบโภชนาการเหมาะสมตามแต่ละช่วงวัย เสริมด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ Probiotic และ Prebiotic หรือที่เรียกรวมกันว่า Synbiotic ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารและการดูดซึมของสัตว์ดีขึ้น ทำให้หมูและไก่ S-Pure แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย เป็นผลิตภัณฑ์ที่เลี้ยงด้วยมาตรฐานที่ดีที่สุดจากฟาร์ม เพื่อจานอาหารระดับโลก
และด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ เบทาโกรยังได้เดินหน้าพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการและรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง อย่าง S-Pure Portion Pack ที่มาในรูปแบบถาดแบ่งบรรจุ สะอาด สะดวกใช้ ช่วยประหยัดเวลาและพื้นที่ในการจัดเก็บ สามารถตัดแบ่งใช้ได้ทีละส่วนเหมาะสำหรับหนึ่งมื้อ เพื่อคงความสดและปลอดเชื้อ และหมูบดปรุงรสแบบหลอดที่ใช้ง่ายสะดวกสบาย รวมถึงสินค้าในกลุ่มอาหารพร้อมทาน กลุ่มไส้กรอกตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ พร้อมชูจุดเด่นบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษ (Paper Tray) ที่สามารถลดการใช้พลาสติกได้ถึง 80% และบรรจุภัณฑ์แบบ mono material ที่สามารถย่อยสลาย
ดร.โอลิเวอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับไฮไลท์ในงานนี้ เบทาโกรยังได้เปิดตัว “La Comida” แบรนด์ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์พร้อมทานสไตล์ยุโรป “ชาร์กูว์ทรี (Charcuterie)” ซึ่งผลิตจากเนื้อหมู S-Pure ที่นำมาบรรจงตัดแต่งเนื้ออย่างประณีต และผ่านกรรมวิธีถนอมอาหารให้พร้อมทานในแบบของชาวยุโรป ทั้งการหมักเกลือและเครื่องเทศ การบ่มและรมควัน หรือการปรุงสุกผ่านความร้อน ชูจุดเด่นคุณภาพระดับพรีเมียมที่เหนือกว่า ในราคาที่สมเหตุสมผล เหมาะสำหรับผู้ประกอบการอาหาร นำไปเสิร์ฟ หรือประกอบอาหารในเมนูต่าง ๆ นอกจากนี้ เบทาโกรอยู่ในช่วงพัฒนาร้าน La Comida Deli Shop เพื่อจำหน่ายสินค้า La Comida ชาร์กูว์ทรี ชีส และสินค้านำเข้ามุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ยุโรป พร้อมมอบประสบการณ์อาหารรูปแบบใหม่สำหรับคนไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวภายในปีนี้
ไม่เพียงเท่านี้ เบทาโกร ยังเร่งขยายตลาดภายในประเทศผ่านกลุ่มผู้ประกอบการ Food Service ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร และผู้ให้บริการด้านอาหาร ครอบคลุมโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงเรียนสอนประกอบอาหาร สายการบิน โดยนำความเชี่ยวชาญของเบทาโกร ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพและปลอดภัยสูง การให้คำแนะนำด้านการบริหารจัดการ การดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สร้างโอกาสการต่อยอดธุรกิจ และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ทั้งยัง พร้อมเดินหน้าขยายตลาดไปยังต่างประเทศด้วยผลิตภัณฑ์แบรนด์ S-Pure และ Betagro หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่แช่เย็นรายแรกจากประเทศไทย สู่ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้แบรนด์ S-Pure ซึ่งได้รับการตอบรับและเติบโตต่อเนื่อง และยังนำผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานแบรนด์ Betagro อาทิ ไก่ปรุงสุก หมูปรุงสุก วางจำหน่ายทั้งใน Supermarket และ Convenience store รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานภายใต้แบรนด์ Betagro วางจำหน่ายใน 7-11 ฮ่องกง และมีแผนที่จะขยายไปอีกหลายประเทศ เพื่อเปิดประตูให้ผู้บริโภคต่างประเทศได้เข้าถึงอาหารไทย รสชาติไทย นอกจากนี้ยังเน้นร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจในการเป็นผู้จัดหา (Supply) ผลิตภัณฑ์อาหารเข้าสู่ Food & Restaurant Chain เพื่อการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วทุกภูมิภาคอีกด้วย
“เบทาโกร มุ่งนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ พร้อมยกระดับการให้บริการผู้ประกอบการอาหารที่ดียิ่งขึ้นแบบครบวงจร ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจอาหารในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในธุรกิจของคู่ค้า และด้วยแผนธุรกิจที่วางไว้เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจอาหารเบทาโกรจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” ดร.โอลิเวอร์ กล่าว