ตราสารหนี้ ยังน่าลงทุนอยู่ไหม ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาวะดังกล่าวส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น ต่อเนื่องถึงการลงทุนในตราสารหนี้ได้ในอนาคต เพราะว่ามูลค่าของตราสารหนี้มีความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยและมูลค่าของตราสารหนี้

 

กล่าวคือ “เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น มูลค่าของตราสารหนี้จะลดลง”
และในทางกลับกัน “เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลง มูลค่าของตราสารหนี้จะสูงขึ้น”

 

ทำความรู้จักตราสารหนี้

 

ตราสารหนี้ คือ ตราสารทางการเงินที่แสดงถึงพันธะสัญญาการเป็นหนี้ระหว่างผู้ออกตราสาร (ผู้ขอกู้เงิน) และผู้ถือตราสาร (ผู้ให้กู้เงิน) หรือหลักง่าย ๆ คือ การเมื่อเราถือตราสาร หมายความว่า เราอยู่ในฐานะเจ้าหนี้นั้นเอง โดยมีระยะเวลาถือตราสารตามอายุที่กำหนด และจะได้รับผลตอบแทนตามที่ระบุไว้ในตราสาร

 

การเรียกชื่อตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ

 

ตราสารหนี้

พันธบัตรรัฐบาล

ตั๋วเงินคลัง

พันธบัตร

รัฐวิสาหกิจ

หุ้นกู้

ตั๋ว (B/E)

หุ้นกู้ระยะสั้น

อายุของตราสาร 1 ปี ขึ้นไป น้อยกว่า 1 ปี 1 ปี ขึ้นไป 1 ปี ขึ้นไป น้อยกว่า 1 ปี
ผู้ออกตราสารหนี้ กระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน บริษัทเอกชน

 

จะลงทุนตราสารหนี้ยังไง ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าว การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยจึงส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนตราสารหนี้ ทำให้เราควรมีการปรับแผนการลงทุนของตนสำหรับการปรับแผนการลงทุนที่เป็นที่นิยมในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ดังต่อไปนี้

 

  • เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (< 1 ปี) เพื่อลดผลขาดทุนจากการลดลงของราคาตราสารหนี้ และเพิ่มโอกาสรับดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพราะไม่ต้องถือตราสารหนี้ที่มีอายุยาวนานในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
  • การลงทุนในตราสารหนี้ผลตอบแทนสูง หรือ High Yield Bond ก็จะมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เนื่องจากในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น มักจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น บริษัทส่วนใหญ่จึงมีผลประกอบการที่ดี โอกาสที่ผู้ออกจะผิดนัดชำระจึงน้อยลง
  • การลงทุนใน High Yield Bond มีปลอดภัยจากการผิดนัดชำระในช่วงเศรษฐกิจซบเซามากกว่า ช่วงที่บริษัทมักจะมีผลประกอบการที่ไม่ค่อยดี ซึ่งเพิ่มโอกาสในการผิดนัดชำระสูง

 

bond

 

เปรียบเทียบตราสารหนี้กับเงินฝากออมทรัพย์ เมื่อดอกเบี้ยขาขึ้น

 

หลายคนอาจคิดว่าเมื่ออยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น การฝากเงินออมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็น ฝากประจำ หรือฝากเงินแบบปลอดภาษี น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี

 

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างเงินฝากธนาคารกับการลงทุนในตราสารหนี้ โดยคำนวณจากผลตอบแทนรวมของ ThaiBMA Composite Bond Index ณ วันที่ 12 ธ.ค. 60 พบว่า

 

  • อัตราผลตอบแทนเงินฝากประจำเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลังอยู่ที่ 1.64% ต่อปี
  • อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ เฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลังอยู่ที่ 4.48% ต่อปี

 

เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้สูงกว่าการฝากประจำค่อนข้างมาก จึงทำให้ตราสารหนี้ยังคงน่าลงทุนอยู่ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นก็ตาม