Benas & Cornista เผยทิศทางรุกตปท.ขยายตลาดไทยต่อเนื่อง

เชียงใหม่โฟรเซ่นฟูดส์ วางกลยุทธ์สองแบรนด์น้องใหม่ ชู Benas สเปรดถั่วแระญี่ปุ่นเจาะตลาดต่างประเทศ ส่วน Cornista เล็งขยายฐานตลาดทั้งไทยและเทศ คาดหวังเป้าหมายปี 2567 เติบโต 40-50% 

จากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) สินค้าทางการเกษตรแบบแช่แข็งเพื่อส่งออก มายาวนานกว่า 30 ปี ของ “เชียงใหม่โฟรเซ่นฟูดส์” ที่มีฐานการเติบโตอย่างยั่นยืนมาตลอด ด้วยสินค้าแปรรูปที่ขับเคลื่อนธุรกิจอยู่นั้น ได้แก่ ถั่วแระญี่ปุ่น ถั่วแขก และข้าวโพด จากความแข็งแกร่งดังกล่าวทำให้ทศวรรษนี้เชียงใหม่โฟรเซ่นฟูดส์พร้อมที่จะก้าวสู่ความท้าทายใหม่ ด้วยการสร้างแบรนด์ตัวเอง

กระนั้นจึงเป็นที่มาของสองแบรนด์น้องใหม่ คือ บีนาส (Benas) สเปรดถั่วแระญี่ปุ่น และ คอร์นนิสต้า (Cornista) ข้าวโพดหวานอบกรอบ ซึ่งเกิดจากแนวคิดของ คุณอังกูร พลพิพัฒนพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่โฟรเซ่นฟูดส์ จำกัด (มหาชน) โดยกล่าวว่า “เราตั้งต้นจากวัตถุดิบที่มีอยู่ มาต่อยอดเพื่อผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเอง ซึ่งเรามีทั้งถั่วแระญี่ปุ่น และข้าวโพดแช่แข็ง แต่กว่าจะผลิตออกมาเป็นแบรนด์ Benas และ Cornista ได้ใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนาราว 3-4 ปี โดยช่วง 2 ปีหลังเป็นการวิจัยด้านส่วนผสม โดยเน้นเรื่องคุณภาพและรสชาติ” แบรนด์น้องใหม่ทั้งสองมีจุดเด่นที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ Benas เป็นสเปรดที่ผลิตมาจากถั่วแระญี่ปุ่นหนึ่งเดียวในโลก ในขณะที่ Cornista เป็นข้าวโพดอบกรอบเต็มเมล็ดที่ผลิตด้วยกรรมวิธี  Freeze Dried เป็นรายแรกในประเทศไทย

Benas ก้าวต่อไปมุ่งสู่ตลาดต่างประเทศ

แรงบันดาลใจ ในการนำถั่วแระญี่ปุ่นมาทำเป็นสเปรดนั้น มาจากความชอบส่วนตัวของคุณอังกูร ซึ่งชอบทานสเปรด เช่น นำสเปรดทาบนขนมปังเป็นอาหารเช้า เป็นต้น โดยการเลือกถั่วแระญี่ปุ่นมาเป็นวัตถุดิบนอกจากเป็นสินค้าที่บริษัททำตลาดอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันถั่วแระญี่ปุ่นยังเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก อีกทั้งยังเป็น Superfood คือมีคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งโปรตีนสูง วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ และมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย

“สเปรดแบรนด์ Benas ของเราเป็นรายแรกของโลกที่นำถั่วแระญี่ปุ่นซึ่งเป็นถั่วเปลือกอ่อน หรือถั่วตระกูล Bean มาทำสเปรด โดยยี่ห้ออื่นทั่วไปมักใช้ถั่วเปลือกแข็ง ซึ่งเป็นถั่วตระกูล Nut ในการทำสเปรด” คุณอังกูร กล่าว

สำหรับการเลือกส่วนผสม Benas สเปรด ซึ่งในที่สุดก็ลงตัวที่ไวท์ช็อกโกแลต เนื่องจากยังคงสีเขียวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของถั่วแระญี่ปุ่นเอาไว้ได้ดี และมีความอร่อยที่ลงตัว ส่วนอีกองค์ประกอบหนึ่งคือการเลือกใช้น้ำมันรำข้าวซึ่งผลิตในประเทศไทยเป็นส่วนผสม เพราะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งดีต่อสุขภาพ แม้จะทำให้ต้นทุนผลิตภัณฑ์สูงกว่าการใช้น้ำมันปาล์มก็ตาม

Benas ผลิตภัณฑ์สเปรดในระดับพรีเมียม เปิดตัวออกสู่ตลาดช่วงปลายปี 2564 จนกระทั่งปัจจุบันนับว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคพอสมควร ปัจจุบันวางจำหน่ายที่ Gourmet Market, Foodland, Villa Market และ Nippon Market ทุกสาขา โดยแผนการดำเนินธุรกิจมีการโปรโมทสินค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้ Influencer เพื่อสร้างการรับรู้ถึง 10 คน ยกตัวอย่างเช่น ปลา iberry (อัจฉรา บุรารักษ์) และป้าตือ (สมบัษร ถิระสาโรช) เป็นต้น อีกทั้งยังมีอินเทอร์เน็ตฟิล์มเพื่อให้คนเห็นและจดจำ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมชงชิมเป็นระยะด้วย ด้านการตลาดในก้าวต่อจากนี้ไปคือ การขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยการจัดทำแผนเข้าร่วมงานโรดโชว์ในประเทศต่างๆ เพื่อเปิดตลาดและสร้างโอกาสใหม่ๆ ต่อไป

Cornista เป้าหมายปี 2567 เติบโต 40-50% 

จากจุดแข็งของการเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าการเกษตรแช่แข็ง ซึ่งภายหลังจากที่ได้ศึกษาวิจัยในการสร้างสินค้าแบรนด์น้องใหม่ที่ตั้งต้นด้วยข้าวโพด กลายเป็น Cornista โดยผลการวิจัยพบว่ากระบวนการผลิตโดยใช้วิธี Freeze Dried จะทรงคุณค่าทางสารอาหารได้ดี รวมทั้งรสชาติ และเนื้อสัมผัสยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้ได้ดีด้วยเช่นกัน

Cornista ข้าวโพดหวานอบกรอบ ที่ผลิตด้วยกรรมวิธี Freeze Dried จึงเป็นขนมขบเคี้ยว (Snack) หนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ไม่มีแบรนด์ใดเคยผลิตด้วยกรรมวิธีดังกล่าวมาก่อน ซึ่งนี่คือจุดเด่น และนอกจากนี้ยังเสริมด้วยความกรอบอร่อย และไม่แข็ง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

คุณอังกูร กล่าวขยายความว่า  “การอบกรอบแบบวิธีดั้งเดิม เป็นการนำความชื้นออกเปรียบเสมือนการตากกล้วย แต่ถ้าเป็นข้าวโพดจะทำให้แข็ง ซึ่งแตกต่างจากวิธี Freeze Dried ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้มาก ซึ่งวิธีการนี้จะมีต้นทุนที่สูงเพราะมีกระบวนการเพิ่มขึ้นคือต้องนำไปแช่แข็งก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการอบอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งน้ำหนักยังหายไปมาก เหลือเพียงแค่ 20% เท่านั้นเมื่อนำข้าวโพดแช่แข็งไปผ่านกระบวนการอบ”

ปัจจุบัน Cornista มีสองรสชาติ คือ ไวท์ช็อกโกแลต และคาลาเมลบัตเตอร์ ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าจะเพิ่มรสชาติอื่นๆ เพื่อให้เป็นทางเลือกของลูกค้า โดยช่วงราว 2 ปีที่ผ่านมาวางขายผ่าน Gourmet Market, Foodland, Villa Market และ Nippon Market รวมทั้งโรดโชว์ไปเปิดตลาดต่างประเทศคู่กับ Benas ส่วน Influencer มอบหน้าที่ให้ น้องเซย่า-มิย่า ทองเจือ ชวนผู้คนให้มาเป็นชาวคอร์นนิสต้าด้วยกัน

ด้านแผนการขยายตลาดขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับ PT Max Mart และ Mini Big C ซึ่งหากมีข้อตกลงร่วมกันในการวางจำหน่ายก็จะทำให้ปีหน้า Cornista จะสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ราว 40-50% เมื่อเปรียบเทียบกับปีนี้ สำหรับการขยายตลาดในต่างประเทศนั้น ก็ยังคงใช้ช่องทางการโรดโชว์เป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่า Cornista เหมาะกับคนในแถบเอเชีย

ความท้าทายของ “เชียงใหม่โฟรเซ่นฟูดส์” กับสองแบรนด์น้องใหม่ในวันนี้ แม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่การสร้างแบรนด์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามแบบฉบับที่ “ค่อยเป็นค่อยไป” ซึ่งเชื่อว่า การเติบโตทีละก้าวจะนำทางไปสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก