5 จุดเด่น ‘สีเบเยอร์’ สู่เส้นทางการเป็น King Of Metal

หากพูดถึงสีที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะกลุ่มสีทาเหล็ก หลายคนคงรู้จัก ‘สีเบเยอร์’ กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์สีน้ำมันเคลือบเงาผสมรองพื้น “BegerShield GRIPTECH 2IN1” ที่เปิดตัวได้ไม่นานแต่คุณภาพเป็นที่กล่าวถึงในตลาด และยังสามารถตอบโจทย์ทั้งด้านความต้องการของผู้บริโภคและความยั่งยืนจนนำมาสู่รางวัล BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2023 มีจุดเด่นที่สีมีคุณภาพสูง สวยทนคุ้มค่า ลดขั้นตอนในการทำงาน และประหยัดเวลา  ซึ่งถือว่าครบในถังเดียวจนทำเป้าหมายที่ต้องการเป็น King Of Metal ไม่ไกลเกินเอื้อม

คุณทศพล ฮั่นไพศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เบเยอร์ จำกัด กล่าวว่า แนวความคิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์สีน้ำมันเคลือบเงาผสมรองพื้น “BegerShield GRIPTECH 2IN1” เกิดจากความต้องการหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม และออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความสะดวก ประหยัด คุ้มค่า ด้วยโจทย์ที่ต้องทำให้เรื่องสีเป็นเรื่องง่ายที่ใคร ๆ ก็สามารถใช้ได้ สามารถลดเวลา ลดขั้นตอน ทดแทนระบบสีน้ำมันเดิม ๆ ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวสีเบเยอร์ชิลด์ กริปเทค ทูอินวัน ไปเมื่อปี 2564 ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานอย่างมืออาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มช่าง/ผู้รับเหมา รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้านที่ชื่นชอบงาน DIY จนทำให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยการสร้างยอดขายเติบโตมากกว่า 50% ต่อปี และสร้างยอดขายมาเป็นอันดับ 1 ของสีทาเหล็ก เบเยอร์

หากมองไปที่คุณสมบัติเชิงลึกแล้ว คุณทศพล กล่าวว่าผลิตภัณฑ์สีน้ำมันเคลือบเงาผสมรองพื้น “BegerShield GRIPTECH 2IN1” มีคุณสมบัติที่ครบ จบในถังเดียว และยังให้สีสวยทนคุ้มค่า แห้งไว ประหยัดเวลา กว่าสีน้ำมันทั่วไปถึง 24 เท่า ทำให้ช่างสามารถจบงานรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง และยังมีความเงางามระดับไฮกลอส ที่ให้ความเงางามสูงระดับ 90+ ซึ่งผ่านการทดสอบด้วยเครื่อง Gloss Meter นอกจากนี้การที่สีผลิตจากอะคริลิกเรซินเทคโนโลยีล่าสุดจากเบเยอร์ ทำให้ได้เนื้อสีเข้มข้น ทาได้พื้นที่มาก และทนทานสูงด้วยพิกเมนต์เกรดสีอุตสาหกรรม ทำให้ฟิล์มสีไม่เหลืองตัวอย่างยาวนาน พร้อมสีให้เลือกมากกว่า 30 เฉดสี รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ทุกความต้องการ

5 จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ตีโจทย์แตก-ครองใจผู้บริโภค (ทำเป็นกรอบ)

  1. สินค้าของเบเยอร์เน้นสินค้านวัตกรรมที่ช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
  2. เป็นผลิตภัณฑ์สีน้ำมันเคลือบเงาผสมรองพื้น (2in1) เกรดพรีเมียม ที่มีความเงาสูงสุดในตลาดในระดับ High gloss
  3. การยึดเกาะดีเยี่ยม ทาหลากหลายวัสดุ ทาได้แม้โลหะมันวาว
  4. ฟิล์มสีเรียบเนียน แห้งไว และทาง่ายได้พื้นที่มากถึง 60 ตร.ม. /กล.
  5. ทนทานด้วยแม่สีอุตสาหกรรมทนสภาวะไม่ซีดจาง

“เราส่งมอบสินค้านวัตกรรมคุณภาพเยี่ยมบนปณิธาน Eco-Wellness Innovation มุ่งมั่นรังสรรค์นวัตกรรมใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากความเป็นผู้นำสีนวัตกรรมที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนานเราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น แตกต่าง และยั่งยืน ด้วยคุณภาพสีที่มีระยะเวลาการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น เพื่อลดการผลิตสินค้า เพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” คุณทศพล กล่าว

นอกจากส่งมอบสินค้าคุณภาพดีแล้ว บริษัทฯ ยังได้ออกแคมเปญใหม่เพื่อกระตุ้นตลาด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมด้านการตลาดและแนะนำสินค้าใหม่ ๆ ไปสู่ผู้บริโภค อย่างเช่น การมอบโปรโมชันพิเศษและกิจกรรมดี ๆ ให้กับผู้บริโภคได้ร่วมสนุกผ่านทางช่องทางการสื่อสารของบริษัทฯ พร้อมกิจกรรมลุ้นรางวัลได้ตลอดทั้งปี ผ่านทางเว็บไซต์ และกิจกรรมอื่น ๆ ของเบเยอร์อย่างต่อเนื่อง

แผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ ‘King Of Metal’

สำหรับเป้าหมายการพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้น คุณทศพล กล่าวว่า จากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะมีความต้องการความสะดวกรวดเร็วของงานช่าง จึงคาดว่าผลิตภัณฑ์ ‘เบเยอร์ชิลด์ กริปเทค ทูอินวัน’ จะเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติ ‘เงากริ๊บ แห้งไว สนิมไม่มี ทาดีทุกเหล็ก’ อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง อายุการใช้งานยาวนาน ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว จึงได้ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ BegerShield GRIPTECH 2IN1 ให้เป็นสินค้าหลักที่ตอบโจทย์ทุกงานเหล็ก ตั้งแต่เกรดบ้านพักอาศัย จนถึงโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเป็น King Of Metal ตามเป้าหมายที่วางไว้

 

โดย ‘Business+’ มองเห็นว่า นอกจากจุดแข็ง 5 ข้อหลัก ๆ ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท เบเยอร์ เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ การจะขึ้นเป็นผู้นำสีนวัตกรรมที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนานทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสีทาอาคารและผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาอย่างแท้จริง จึงนำมาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มากด้วยคุณภาพ นอกจากนี้การเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ปณิธาน Eco-Wellness Innovation มุ่งมั่นรังสรรค์นวัตกรรมใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถตอบโจทย์โลกของคนยุคใหม่ที่เน้นผลิตภัณฑ์รักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

 

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตาม Business+ ได้ที่ Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS