Prasartthong

เปิดพอร์ต ‘ปราสาททองโอสถ’ เจ้าของ 3 ธุรกิจ ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลายคนคงคุ้นเคยกับนามสกุล ‘ปราสาททองโอสถ’ ตระกูลมหาเศรษฐีหุ้นของไทยกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐนอกจากจะนั่งเป็นผู้บริหารในบริษัทที่ก่อตั้งมาเองแล้ว ยังได้รับฉายาว่าเป็น คุณหมอนักช็อปในตลาดหุ้นอีกด้วย ซึ่ง ‘Business+’ หยิบประเด็นที่น่าสนใจของ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หลังจากมีข่าวการลาออกจากตำแหน่งใน BDMS เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2565

ซึ่งการพ้นจากตำแหน่งของคุณหมอเสริฐนั้น เป็นที่น่าจับตามองต่อว่า จะเป็นการลาออกเพื่อไปต่อยอดธุรกิจ หรือดันธุรกิจไหนเป็นพิเศษ เพราะเหตุผลที่แจ้งลาออกจาก BDMS กับตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ มีภารกิจจากกิจการอื่นเพิ่มขึ้น และที่ผ่านมาเราทราบดีอยู่แล้วว่า หมอเสริฐ เป็นทั้ง Founder และบอร์ดคนสำคัญของหลายบริษัทในเครือ

ทั้งนี้เมื่อเราเปิดพอร์ตล่าสุด ณ วันที่ 19 ก.ย.2566 จากตลาดหลักทรัพย์ฯ เราพบว่า ตระกูลปราสาททองโอสถ ยังคงถือหุ้นอยู่ 3 บริษัทในตลาดหุ้นไทย ประกอบไปด้วยธุรกิจการแพทย์ ซึ่งแบ่งเป็นกิจการ ‘โรงพยาบาล’ ด้วยการเป็นผู้บริหารและถือหุ้น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของประเทศ โดยมีโรงพยาบาลเครือข่ายในไทยและกัมพูชา ดำเนินการภายใต้ชื่อโรงพยาบาล 6 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบี เอ็น เอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล ส่วนธุรกิจทางการแพทย์ ได้แก่ ธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ธุรกิจผลิตยาและธุรกิจผลิตน้ำเกลือ ซึ่งกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล BDMS มีรายได้ให้ตระกูลปราสาททองโอสถ 93,055 ล้านบาท ในปี 2565 และมีกำไรสุทธิ 12,606 ล้านบาท

ซึ่งประเด็นการลาออกจากตำแหน่งของหมอเสริฐใน BDMS มีหลายกระแสว่าอาจจะกระทบในแง่ของความเชื่อมั่นบริษัท และเป็น Sentiment ลบต่อราคาหุ้น BDMS แต่นักวิเคราะห์หลายสถาบันต่างมองว่า การลาออกจากกรรมการบริษัทของ นพ.ปราเสริฐ ไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน เพราะปัจจุบัน BDMS มี พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ทำหน้าที่ประธานกรรมการบริหาร (CEO) เป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเดิมของ นพ.ปราเสริญ ประกอบกับจำนวนบอร์ดบริหารคงเหลือ 15 คน ยังเป็นชุดเดิม ทำให้การดำเนินธุรกิจของ BDMS ยังเป็นไปตามเป้าหมาย

Prasartthong

ส่วนธุรกิจที่ 2 คือ ธุรกิจสายการบิน อย่าง บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ประกอบธุรกิจสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ธุรกิจสนามบิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบิน ทั้งการให้บริการกิจการภาคพื้นดิน การให้บริการอาหารบนเที่ยวบิน และการให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศ ให้กับสายการบินของบริษัทและสายการบินอื่นๆ

ซึ่งกลุ่มสายการบินของ BA มีรายได้ให้ตระกูลปราสาททองโอสถ 12,755 ล้านบาท ในปี 2565 แต่มีผลขาดทุนสุทธิ 2,111 ล้านบาท อย่างไรก็ตามธุรกิจสายการบินยังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา และเริ่มฟื้นตัวในช่วงปี 2566 โดย 6  เดือนแรกสร้างรายได้ 10,700 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,545 ล้านบาท

โดยปัจจุบันผู้บริหาร BA คือ คุณพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ลูกชายหมอเสริฐ นั่งเป็นประธานคณะผู้บริหาร, รองประธานกรรมการ, กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และหมอเสริฐ ยังนั่งตำแหน่งกรรมการ

ธุรกิจที่ 3 คือ ‘ธุรกิจสื่อ’ ด้วยการถือหุ้น บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ประกอบธุรกิจด้านสื่อและความบันเทิง ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ คือการเป็นผู้สร้างสรรค์และผลิตรายการ จนถึงปลายน้ำ คือ การเป็นเจ้าของช่องทางเผยแพร่ที่ครอบคลุมทั้งช่องทาง ออฟไลน์และออนไลน์ที่เราคุ้นเคยคือ ช่อง ONE31 และช่อง GMM 25 ที่กลุ่มบริษัทฯ รับหน้าที่เป็นตัวแทนการตลาด และช่องทางวิทยุ เช่น EFM , Green Wave , Chill Online

ซึ่งบริษัท ONEE มีรายได้ 6,236 ล้านบาท ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 3,034 ล้านบาท โดย คุณปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ลูกสาวคนที่ 4 ของหมอเสริฐ ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 25.05%

Prasartthong

ทั้งนี้หากเรารวมพอร์ตทั้งหมดของตระกูลปราสาททองโอสถ ที่ถือพอร์ตในนามส่วนตัวทุกคนรวมกันจะมีมูลค่าพอร์ตสูงถึง 96,567 ลบ. (อ้างอิงราคา ณ วันที่ 19 ก.ย.66) ประกอบไปด้วย

หุ้น BDMS

  • นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 1,991,558,240 หุ้น (12.53%)
  • น.ส. ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 823,880,410 หุ้น (5.18%)

คำนวณจากราคาปิด 26.25 บาท (19 ก.ย.2566) คิดเป็นมูลค่าประมาณ ล้านบาท 73,905 ล้านบาท

หุ้น BA

  • นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 523,387,900 หุ้น (24.92%)
  • นางอาริญา ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 243,440,900 หุ้น (11.59%)
  • นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 238,942,000 หุ้น (11.38%)
  • น.ส.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 136,300,000 หุ้น (6.49%)
  • น.ส.สมฤทัย ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 77,542,900 หุ้น (3.69%)

คำนวณจากราคาปิด 16.40 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,001 ล้านบาท

หุ้น ONEE

น.ส. ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 596,500,000 หุ้น (25.05%)

คำนวณจากราคาปิดราคาปิดที่ 4.46 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,660 ล้านบาท

และหากมองแค่พอร์ตของ ‘หมอเสริฐ’ คนเดียว หมอเสริฐถือเป็นเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 3 ในปี 2566 รองจาก ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ จากกลุ่ม บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และ ‘ปณิชา ดาว’ จากการถือหุ้นใหญ่ บมจ.พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น (PSG)

เป็นที่น่าจับตามองต่อว่า ภายหลังจากพ้นตำแหน่งใน BDMS หมอเสริฐจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจใดต่อ เพราะนอกจากบริษัทในตลาดหุ้นไทยแล้ว ยังมีบริษัทในเครืออีกมากมาย ซึ่งการบริหาร 3 บริษัทในตลาดที่ทำธุรกิจแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนั้น โดยหลักการคือการใช้บริหารเดียวกันในทุกองค์กร โดยหมอเสริฐ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายที่ว่า ใช้การบริหารงานแบบรวมอำนาจการตัดสินใจ เพราะเชื่อว่าตนเองคิดมาถี่ถ้วนดีแล้ว

ที่มา : ก.ล.ต. , SET
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS