The Business Plus บิสิเนสพลัส
เมื่อต้นสัปดาห์ธนาคารพาณิชย์ของไทยประกาศผลการดำเนินงานปี 2567 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพบว่า ธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 252,746 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นราว 7% จากปี 2566 เป็นไปตามทิศทางของเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มขยายตัว โดย ธนาคารกสิกรไทยครองแชมป์กำไรสุทธิสูงสุดอันดับ 1 ที่ 48,598 ล้านบาท ตามมาด้วย ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งปีนี้ขยับมาเป็นที่ 2 ด้วยกำไรปี 45,211 ล้านบาท และอันดับ 3 ธนาคารไทยพาณิชย์ 43,943 ล้านบาท
แต่นอกจากมิติในเรื่องของการทำกำไรสุทธิแล้ว เรื่องของเงินฝากและการปล่อยสินเชื่อก็เป็นตัวเลขที่สำคัญสำหรับธนาคารด้วยเช่นกัน เพราะธนาคารเป็นตัวกลางทางการเงินทำหน้าที่ระดมเงินฝากจากผู้ที่มีเงินส่วนเกิน แล้วนำเงินฝากเหล่านั้นมาปล่อยกู้ให้แก่ครัวเรือนและภาคธุรกิจที่มีความต้องการเงินกู้ ซึ่งธนาคารจะมีรายได้คือดอกเบี้ยจากเงินปล่อยกู้นั่นเอง
ดังนั้น อัตราส่วนที่สำคัญอีกส่วนคือ อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝาก (คำนวณได้จากเงินให้สินเชื่อ/เงินฝาก*100) ซึ่งอัตราส่วนนี้แสดงถึง สัดส่วนในการนำเงินฝากไปให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ยิ่งมีเงินฝากมากยิ่งดีต่อสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ เพราะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้จากสินเชื่อ หรือพูดง่ายๆคือการปล่อยกู้นั่นเอง
ครั้งนี้ ‘Business+’จึงได้ทำการสำรวจรวบรวมข้อมูลทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค.67 พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ธนาคารที่มีเงินฝากสูงที่สุดอันดับ 1 คือ ธนาคารกรุงเทพ และอันดับที่ 2 คือ ธนาคารกรุงไทย ส่วนธนาคารที่เหลือมีอันดับดังต่อไปนี้
ส่วนธนาคารอันดับอื่นๆจะเป็นธนาคารขนาดเล็กลงมา สัดส่วนการรับฝากเงินต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท และกำไรสุทธิไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามเราพบข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่มากตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สะท้อนจากตัวเลขยอดเงินฝากและเงินลงทุนที่อยู่ที่ ธปท. ในช่วงที่ผ่านมา สูงถึง 4-5 ล้านล้านบาท ณ ช่วงปี 2567
ที่มา : SET , BOT
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
