The Business Plus บิสิเนสพลัส
แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในประเทศไทยจะเริ่มทรงตัวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ‘จีน’ ยังคงเผชิญกับช่วงเวลายากลำบากอยู่ โดยจะเห็นได้จากข่าวที่เกิดความวุ่นวายขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่บนรถไฟ ที่เจ้าหน้าที่ทางการของจีนได้มีการปิดสถานที่เพื่อกักตัวประชาชนที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ตามนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ ของประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ ซึ่งเรื่องนี้ นอกจากจะกระทบประชาชนในแง่ของการใช้ชีวิตแล้ว ยังกระทบไปถึงภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย เนื่องจากโรงงานหลาย ๆ แห่งที่พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ถูกคำสั่งจากทางการให้ปิดโรงงานเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดในวงกว้าง
โดยเรื่องนี้ ไม่เพียงแค่กระทบภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศของจีนเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงผู้ผลิตต่างชาติอีกหลายรายที่ได้วางฐานการผลิตไว้ในประเทศจีน เช่นผู้ให้บริการสมาร์ทโฟนรายใหญ่อย่าง ‘Apple’ ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เต็ม ๆ จากการถูกสั่งปิดโรงงานหลักซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน เพื่อจำกัดการแพร่กระจาย COVID-19 หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อภายในโรงงานเพิ่มขึ้น
สำหรับการสั่งปิดโรงงาน ‘Apple’ ในครั้งนี้ ถือเป็นการสั่งปิดโรงงานครั้งที่ 2 หลังจากที่โรงงานนอกเซี่ยงไฮ้ถูกสั่งปิดไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเรื่องนี้เปรียบเสมือนเป็น ‘ฝันร้าย’ ของ ‘Apple’ เลยทีเดียว เนื่องจากทางแบรนด์กำลังอยู่ในช่วงของการวางจำหน่าย ‘iPhone14’ โดยทาง ‘Apple’ ได้เปิดให้ลูกค้าสั่งซื้อ ‘iPhone14’ ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 และทำการวางจำหน่าย ‘iPhone 14’ ในวันที่ 16 กันยายน 2565 ขณะที่ ‘iPhone 14 Plus’ ซึ่งเป็นตัวท็อปของรุ่นนี้ ได้มีการวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ด้านตัวแทนจาก ‘Apple’ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า บริษัทได้ลดการผลิต ‘iPhone 14’ ลงชั่วคราวเนื่องจากข้อจำกัดของ ‘COVID-19’ ที่โรงงานประกอบหลักของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ที่ดำเนินการโดย ‘Foxconn’ ในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน ถูกปิดเนื่องจากนโยบายภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงเป็นอย่างมาก และทำให้การจัดส่งเครื่องน้อยลงและลูกค้าอาจต้องรอนานขึ้นเมื่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ‘Apple’ ในช่วงเวลานี้
จากแถลงการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่ ‘Apple’ อาจขาย ‘iPhone’ ได้น้อยลงในไตรมาสที่ 4/65 (ช่วงธันวาคม) เนื่องจากปัญหาในการผลิตไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการลูกค้า ซึ่งสอดคล้องกับแถลงการณ์เมื่อเดือนที่แล้วของ ‘Apple’ ที่ส่งสัญญาณการเติบโตที่ชะลอตัวในไตรมาสเดือนธันวาคม
อย่างไรก็ดี ทาง ‘Apple’ เปิดเผยว่ายังคงเห็นความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับรุ่นที่ได้รับผลกระทบซึ่งมีราคาสูงกว่า ‘iPhone’ รุ่นอื่น ๆ และเริ่มต้นที่ 999-1,099 ดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน ‘Samik Chatterjee’ นักวิเคราะห์จาก ‘JPMorgan’ กล่าวว่า ปัจจุบันจะใช้เวลา 31 วันในการรับ iPhone 14 Pro หากสั่งซื้อจากเว็บไซต์ของ ‘Apple’ โดยตรง ซึ่งนานกว่าระยะเวลารอคอยสินค้าโดยเฉลี่ย 2 วันสำหรับ ‘iPhone’ รุ่นที่มีราคาต่ำกว่า
เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี
ที่มา : CNBC, The New York Times, Apple
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #Apple #iPhone #iPhone14
