AIS พร้อมเสริฟ 5G ภาคอุตสาหกรรม ชูจุดแข็งคลื่นครอบคลุมมากที่สุดในไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ทุกมิติ!!

5G กำลังจะเข้ามาปรับเปลี่ยนหลายอุตสาหกรรม เพราะความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ถึง 1 ล้านอุปกรณ์ต่อ 1 ตารางกิโลเมตร หากเทียบกับ 4G จะรองรับ 1 แสนอุปกรณ์ และความรวดเร็วของอินเตอร์เน็ตที่มากกว่า 4G ถึง 20 เท่า ทำให้สามารถรองรับการควบคุมอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองคำสั่งได้รวดเร็ว หากเรานำ 5G มาใช้ในอุตสาหกรรม ก็จะเป็นการเพิ่มขีดจำกัดในทุก ๆ ด้าน

ยกตัวอย่างเทคโนโลยีโลกเสมือนอย่าง AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงก็ต้องใช้อินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพ และความเร็วสูง ดังนั้น 5G จึงเป็นสิ่งหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทยควรให้ความสำคัญ และเร่งผลักดัน

AIS ถือเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่เตรียมความพร้อมสำหรับ 5G มาโดยตลอด และมีจุดแข็งคือ เครือข่ายที่ครอบคลุมทั้งคลื่นความถี่สูงอย่าง 26Ghz คลื่นความถี่กลาง 2500Mhz และคลื่นความถี่ต่ำ 700Mhz ซึ่งทำให้การให้บริการมีความยืนหยุ่นสูง ให้บริการลูกค้าได้อย่างเหมาะสมในทุกพื้นที่

คุณธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร AIS เปิดเผยว่า AIS มีเป้าหมายที่จะนำศักยภาพของ 5G มาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ จากการเดินหน้าลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของเทคโนโลยีโครงข่ายอย่างต่อเนื่องทำให้วันนี้ Digital Infrastructure มีความสมบูรณ์ พร้อมให้บริการกับภาคอุตสาหกรรม

ซึ่งที่ผ่านมา AIS ได้ยึดแนวทางการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์มากมาย และหลากหลายเพื่อสร้างความสมบูรณ์ของ Digital Ecosystem โดยความสามารถของพาร์ทเนอร์จะช่วยส่งเสริมธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ผนึกหน่วยงานหลายหลายเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
AIS ได้ร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) พัฒนา 5G Innovation Center บนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ภายในพื้นที่ตั้งของ Thailand Digital Valley อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาค โดยนำเอาศักยภาพ 5G ที่ครอบคลุมแล้ว 100% ในพื้นที่ EEC ที่มีการใช้งานมาเปิดโอกาสให้กลุ่ม Digital Tech ซึ่งมีความต้องการจะทดสอบบริการบนเครือข่าย AIS 5G อันจะทำให้เกิดการลงทุนในธุรกิจดิจิทัลควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลเชิงพาณิชย์ โดยพร้อมที่จะเปิดตัวในปี 2022

และร่วมกับภาครัฐอย่าง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยมีแผนงานสนับสนุน 5G infrastructure สำหรับเป็นสนามทดสอบ 5G (5G testbeds) เพื่อเตรียมความพร้อมของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการผลิต รับการมาถึงของเทคโนโลยี 5G ณ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ Sustainable Manufacturing Center: SMC อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของภาคอุตสาหกรรมการผลิต Smart Manufacturing แห่งใหม่ในพื้นที่ EEC

อีกทั้ง ยังได้ทำงานร่วมกับนิคมอุตสาหกรรม และสมาคมต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการร่วมพัฒนาธุรกิจดิจิทัลของประเทศ เช่น สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และ สมาคมไทยไอโอที (TIoT) เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมองเห็นประโยชน์จากการลงทุนด้านเทคโนโลยี สร้างธุรกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้

นอกจากหน่วยงานภาครัฐแล้ว AIS ยังได้จับมือร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในด้านของ Platforms และ Solutions ชั้นนำระดับโลกมากมาย และยังร่วมมือกับหน่วยงานระดับภูมิภาคอย่างเช่น GSMA ในการร่วมก่อตั้ง APAC 5G Industry Community และร่วมมือกับอีกหลายองค์กร เช่น 5GEC (5G Enterprise solution Consortium) เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการทำงานและนำเสนอบริการที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง และยังประกาศความพร้อมในการให้บริการต่าง ๆ ดังนี้

• MEC (Multi-access Edge Computing) เป็นบริการที่นำเอาศักยภาพในการประมวลผล และการจัดการกับข้อมูลมาอยู่ใกล้กับผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์มากขึ้น เพื่อช่วยลดปริมาณการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ และ Cloud อีกทั้งยังช่วยลดความหน่วง (latency) เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที โดยทาง AIS พร้อมให้บริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกที่มาร่วมกันมากมายทั้ง Huawei, HPE, Microsoft และ ZTE ซึ่งให้บริการได้แล้วใน 2 โมเดล คือ Shared MEC และ Dedicated MEC ที่จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของข้อมูลหรือ Data Privacy

• 5G Private Network เป็นบริการเครือข่าย 5G ส่วนตัวสำหรับการใช้งานเฉพาะของแต่ละธุรกิจ และสามารถทำ Network Slicing ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะของ 5G ทำให้สามารถสร้างโครงข่ายส่วนบุคคลเสมือนถึงระดับคลื่นความถี่ จึงเชื่อมต่อภายในองค์กรได้อย่างเป็นส่วนตัวแม้จะใช้เครือข่ายแบบไร้สาย นอกจากนี้ยังรองรับ use cases ที่หลากหลายในสถานที่เดียวกัน โดย 5G Private Network จะบริการใน 3 รูปแบบ คือ

– Virtual private network จะเป็นใช้อุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ แชร์กัน สามารถให้บริการที่ทุกพื้นที่ที่มีเครือข่าย 5G ทั่วประเทศ โดยสามารถทำ Network Slicing เพื่อรองรับ use cases ที่หลากหลายในสถานที่เดียวกันได้

– Zoning virtual private network จะเป็นการให้บริการในพื้นที่ zone ซึ่งเฉพาะเจาะจง เช่น ในพื้นที่ EEC เพื่อให้การรับส่งข้อมูลมีความคล่องตัวและมีความหน่วงในการทำงานต่ำ (Low latency) เนื่องจากอยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกัน

– Dedicated private network จะเป็นการให้บริการโดยการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายเฉพาะสำหรับแต่ละหน่วยงาน ซึ่งโดดเด่นทั้งในเรื่องความเป็นส่วนตัวสูง หรือ High Privacy, สามารถบริหารจัดการได้คล่องตัว, และทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบและข้อมูลที่เก็บอยู่ได้อย่างรวดเร็ว

• Smart Manufacturing Solutions ที่พร้อมส่งมอบบริการที่หลากหลายมากที่สุดในไทย อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการผลิต การทำงานระยะไกลสำหรับภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น ผ่านการทำงานร่วมกับ Mitsubishi, Omron, TKK และล่าสุดร่วมกับ Schneider ผู้นำด้านโซลูชันการผลิตอัจฉริยะที่จะมาเสริมการทำงานภายใต้แพลตฟอร์ม EcoStruxture

ซึ่งประกอบไปด้วย 3 แอปพลิเคชั่นได้แก่ Machine Advisor ซึ่งสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆได้ว่าทำงานอย่างไร สำหรับ Augmented Operator Advisor ใช้ AR เทคโนโลยีในการดูข้อมูลต่างๆ และ Secure Connect Advisor ให้คำแนะนำผู้ที่ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

• 5G IoT solutions กับ TCS โดย AIS เข้าไปให้บริการโซลูชั่นส์ด้าน IoT ที่ช่วยตอบโจทย์ในการเสริมประสิทธิภาพด้านการผลิตการปรับปรุงและตรวจสอบความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและพนักงาน การจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงควบคุมต้นทุนในการผลิตที่ครอบคลุมในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ

• 5G Security Platform กับ Palo Alto Network และ Cisco โดยทาง AIS เข้าไปให้บริการ AIS Managed Secure Access Service Edge (SASE), AIS SD-WAN และบริการด้านความปลอดภัยไซเบอร์อื่นๆ รวมทั้ง AIS CSOC ซึ่งเป็นระบบควบคุมแบบรวมศูนย์บนคลาวด์เพื่อตรวจจับและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่สามารถทำงานร่วมกับโซลูชันส์ด้านความปลอดภัยจากพันธมิตรชั้นนำเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์

5G ยังสามารถผสานการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ AR, VR, AI ทำให้เกิดการใช้งานจริงในธุรกิจมากมาย เช่น การประยุกต์ใช้ 5G เพื่อสร้างความยั่งยืนและความปลอดภัยในการเป็น Smart Green Mining ของ SCG และการสร้าง use cases ในเครือข่ายภาคี Thailand A.I. University Consortium intelligent connectivity ในภาคการศึกษา เป็นต้น

“ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกับการดำเนินธุรกิจให้เติบโตคือคู่ขนานสำคัญ ที่ AIS พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ที่เราพร้อมเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองของประเทศในการฟื้นฟูและสร้างการเติบโตร่วมกัน จากโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G ที่มีขุมพลังความสามารถในการหนุนโลกธุรกิจให้ขับเคลื่อนไปสู่การเติบโตท่ามกลางการแข่งขันจากโลกใหม่ในปัจจุบันได้อย่างดีที่สุด” นายธนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

จากข้อมูลทั้งหมดที่ Business ได้รับในครั้งนี้ ทำให้เห็นว่า AIS มีความพร้อมที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยการนำ 5G มาใช้ให้กับภาคธุรกิจ โดย Benefit ที่แท้จริงของ 5G คือ การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กรและประเทศชาติ นั่นเอง