ผลิตภัณฑ์อิชิตัน น้ำด่าง (pH PLUS) เกิดขึ้นจากมุมมองของ ‘ตัน ภาสกรนที’ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่มองว่า ไม่นานจากนี้ มี ‘โอกาส’ เติบโต ทำให้เขาไม่รอช้า จึงขอปักธงรอไว้ก่อน…
บทวิจัยอ้างอิงที่วารสารต่างประเทศ เคยตีพิมพ์เกี่ยวกับคุณสมบัติน้ำด่าง (Alkaline Water) ถึงประโยชน์ต่อร่างกายมีมากมาย อาทิ ในสหรัฐอเมริกาและจีน บ่งชี้ว่าช่วยลดความเป็นกรดที่เกิดขึ้นในกระเพาะอาหารลงได้ อีกทั้งสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์เปปซิน (pepsin) ทำให้การทำลายเยื่อบุบริเวณหลอดอาหารเกิดขึ้นน้อยลง หรือที่ญี่ปุ่นและอียิปต์ ที่ให้ความสนใจกับการทำวิจัยในน้ำด่าง พบว่าการดื่มน้ำด่างช่วงการทดสอบ สามารถลดความเป็นกรดทำให้สมดุลของกรดเบสในเลือดกลับมาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม กระแสบริโภคน้ำด่างที่แพร่หลายในต่างประเทศ เปรียบเทียบกับกระแสยอมรับในประเทศไทย ถือว่าสวนทางกันอย่างมาก ด้วยข้อจำกัดบางประการ อัตราการบริโภคในประเทศไทยยังเป็นกลุ่มเฉพาะ เมื่อเทียบกับขนาดธุรกิจเครื่องดื่มน้ำดื่ม ขนาดกว่า 25,837.4 ล้านบาทต่อปี
การที่ ‘ตัน ภาสกรนที’ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองเห็นเทรนด์และโอกาสในตลาดนี้ เหมือนเช่นที่เขาเห็นเทรนด์การเติบโตในญี่ปุ่นและไต้หวัน เขาเชื่อว่า ไม่นานจากนี้จะเป็นโอกาสของผลิตภัณฑ์อิชิตัน น้ำด่าง (pH PLUS) ในประเทศไทย
คุณค่าที่ซ่อนอยู่ในน้ำด่าง
“เป้าหมายจากนี้ คือทำให้แบรนด์อิชิตัน น้ำด่าง (pH PLUS) เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคสายสุขภาพ และสายออกกำลัง” ตัน ภาสกรนที กล่าวกับ Business+ พร้อมระบุว่า
“น้ำด่าง หรือ Alkaline Water คือน้ำที่มีค่า pH ไม่น้อยกว่า 8.0 ต่างจากน้ำดื่มทั่วไปมีค่า pH ที่ 7.0-7.5 การดื่ม “น้ำด่างแบบเดิม” ต้องผสมเองตามอัตราส่วน ทำให้รสน้ำฝาดลิ้น ดื่มยาก ปัจจุบันน้ำด่างบรรจุขวดพร้อมดื่ม (Ready to drink) เกิดขึ้นด้วยนวัตกรรมการผลิตที่ช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ทำให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน ปลอดภัย สะดวกสบาย พกพาง่าย และดีต่อสุขภาพ ได้รับความนิยมอย่างสูงที่ประเทศจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และอิชิตันกำลังนำเทรนด์นี้เข้าสู่ประเทศไทย เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้รักสุขภาพ
“อิชิตัน น้ำด่าง (pH PLUS) นำเสนอคุณค่าหลัก ช่วยคืนความสมดุลของร่างกายจากภายในสู่ภายนอก ไม่มีน้ำตาล ให้พลังงานเป็นศูนย์ ไม่มีโซเดียม ดีต่อผู้ที่รักสุขภาพ ดื่มได้ทุกวัน ดื่มได้ทั้งครอบครัว ด้วยนวัตกรรม Japan Smart Technology ซึ่งได้รับสิทธิบัตร ทำให้โมเลกุลน้ำมีขนาดเล็ก นำพาวิตามินเข้าสู่ร่างกายได้เร็วขึ้นเข้ามาใช้ในการผลิต เป็นการใช้นวตกรรมการผลิตที่จากญี่ปุ่นเข้ามาสร้างความแตกต่างในเรื่องของคุณภาพสินค้า”
ทั้งหมดที่ตันยกตัวอย่างให้เห็น คือ คุณค่าที่ซ่อนอยู่ในน้ำด่าง เมื่อเทียบกับการดื่มน้ำเปล่าตามปกติ
คำกล่าวของ ‘ตัน’ กำลังชี้ให้เห็นถึงวิถีการบริโภคน้ำดื่ม ซึ่งกำลังเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่าน เน้นคุณค่าจากทั้งน้ำด่างและวิตามิน กลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทยยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก สอดคล้องกับการได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน เห็นได้จากจำนวนผู้เล่นและมูลค่าตลาดทั้งสองประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่ญี่ปุ่นและไต้หวัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเมืองและคนที่ให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพจากภายใน พวกเขาเชื่อว่าเมื่อร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70% การเลือกดื่มน้ำคุณภาพเข้าไปในร่างกายเพื่อหล่อเลี้ยงหมุนเวียนอวัยวะทุกส่วนจึงสำคัญมาก
ส่องกลยุทธ์ ตำแหน่ง ‘ผู้นำ’
วันนี้ ‘วิสัยทัศน์’ ตัน กำลังท้าทายบทบาทของการสร้างเทรนด์น้ำด่างให้เกิดและเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในเมืองไทย เขาประเมินว่าภายใน 2 ปีนี้ อิชิตันน้ำด่างจะสามารถทำยอดขายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ภาพ อิชิตัน น้ำด่าง (pH PLUS) ได้รับการจดจำว่าเป็น “ผู้นำ” และเดินหน้าให้ข้อมูลกับผู้บริโภคเพื่อสร้างการรับรู้ และความมั่นใจในประสิทธิภาพของน้ำด่างที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในระยะยาว ด้วยรสชาติที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 2 รสชาติ แตกต่างจากน้ำด่างแบรนด์อื่น ๆ
สำหรับไฮไลต์ในปี 2566 ได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำด่าง ผสมสารสกัดจาก CBD โดยเป็นการนำคุณค่าจาก CBD ซึ่งมีการใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายทางการแพทย์ อาทิ การใช้ CBD เพื่อลดความเครียด หรือความวิตกกังวลได้อย่างปลอดภัย หรือ ใช้ CBD เพื่อเพิ่มคุณภาพการนอนหลับให้แก่ผู้ป่วย โดยนำ CBDบริสุทธิ์คุณภาพสูงจากแหล่งผลิตและสกัด ที่ได้รับการรับรอง มาผสานคุณค่ากับน้ำด่างที่มีโมเลกุลของน้ำขนาดเล็ก ซึมซาบเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น หวังตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพ และผู้ที่ชื่นชอบน้ำด่าง 100% มากขึ้น”
ถึงตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่า อิชิตัน น้ำด่าง (pH PLUS) มีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งได้บอกเล่าถึง Success Story แบบเจาะลึก และเพื่อตอกย้ำว่า เป็นแบรนด์สินค้ามีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จนสามารถคว้ารางวัล BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR 2022 ไปครองได้สำเร็จ