การวิเคราะห์บริษัท ถ้าดูแค่รายได้อย่างเดียว เราอาจไม่เห็นภาพทั้งหมด โดยตัวเลขทางการเงินที่น่าสนใจก็คือ อัตรากำไรสุทธิ เพราะบ่งบอกว่า ทุก ๆ รายได้ 100 บาท บริษัทเหลือเป็นกำไรกี่บาท ยิ่งตัวเลขนี้สูง แปลว่าธุรกิจยิ่ง “ทำกำไรเก่ง” และควบคุมต้นทุนได้ดี

ปีนี้ในกลุ่ม SET100 มีหลายบริษัทที่อัตรากำไรสูงเกิน 30% เริ่มจาก TCAP ที่อัตรากำไรเกือบ 45% ทั้งนี้ ธนาคารมีรายได้มาจากดอกเบี้ยสินเชื่อ ทำให้ต้องมีการตั้งสำรองหนี้สิน ดังนั้นกำไรสุทธิที่สูงอาจไม่สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เพราะสามารถขึ้นลงได้ตามการตั้งสำรองดังกล่าว
การวิเคราะห์ธนาคารจึงต้องผ่านตัวเลขการเงินอื่น ๆ เช่น ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และอัตราส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวม เป็นต้น
ถัดมาคือ SISB โรงเรียนนานาชาติ ที่อัตรากำไรเกือบ 40% จากความต้องการของผู้ปกครอง ที่ยอมจ่ายเพื่อคุณภาพการเรียน เมื่อโรงเรียนมีชื่อเสียงและมีนักเรียนเต็ม ต้นทุนต่อหัวจะลดลงทันที ทำให้อัตรากำไรสูงขึ้น
WHA และ AWC ซึ่งเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน มีลักษณะคล้ายกันคือ ใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงแรก แต่พอสินทรัพย์เริ่มสร้างรายได้ เช่น คลังสินค้า นิคมอุตสาหกรรม หรือโรงแรม รายได้จะไหลเข้ามาสม่ำเสมอ ขณะที่ต้นทุนดำเนินงานไม่ได้เพิ่มตามสัดส่วน กำไรเลยออกมาสูง
ส่วน CPN เจ้าของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ก็เป็นธุรกิจที่เก็บค่าเช่าในศูนย์เป็นหลัก ทำให้มีต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ พอศูนย์เปิดแล้ว ร้านค้าเข้ามาเช่าพื้นที่ รายได้จะค่อนข้างแน่นอน ทำให้อัตรากำไรออกมาสูงกว่า 36%
สรุปก็คือ ธุรกิจที่อัตรากำไรสูงมักเป็นธุรกิจที่มีข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง และสามารถใช้สินทรัพย์เดิมสร้างรายได้ซ้ำ ๆ หรือมีความต้องการที่ลูกค้ายอมจ่าย
ที่มา: SET SMART
The Business Plus บิสิเนสพลัส

