ท็อปส์ จับมือ Google Cloud ปฏิวัติวงการรีเทลไทยไปอีกขั้น เปิดตัว Next-Generation AI Chatbot นำร่องฟีเจอร์เช็กสต็อกสินค้าในร้านแบบเรียลไทม์

ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึกกำลัง Google Cloud เดินหน้าปฏิวัติประสบการณ์ช้อปปิ้งสู่ผู้บริโภคไทยไปอีกขั้น ประกาศเปิดตัว Next-Generation AI Chatbot นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Google Cloud’s Conversational Agents (จากเดิม Dialogflow CX) มาพร้อมฟีเจอร์ไฮไลต์ที่ให้ลูกค้าสามารถเช็กสต็อกสินค้าภายในสาขาแบบเรียลไทม์เป็นครั้งแรก เพื่อช่วยให้ลูกค้าตรวจสอบสินค้าจากสาขาท็อปส์ใกล้บ้านได้ทันทีผ่านแชทก่อนเดินทางมายังร้าน ควบคู่กับบริการผู้ช่วยอัจฉริยะตลอด 24 ชั่วโมง นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่ประสบการณ์ช้อปปิ้งออมนิชาแนลที่ไร้รอยต่ออย่างแท้จริง

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยี AI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วโลก ทั้งในด้านวิธีการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและการมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่แม่นยำยิ่งขึ้น สำหรับท็อปส์ เราได้พัฒนาและประยุกต์ใช้ AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าในทุกมิติให้ดีที่สุด มอบความสะดวกสบายและตอบโจทย์ลูกค้าในยุคใหม่ได้มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับรายงาน Deloitte 2025 Global Retail Outlook ที่พบว่า Hyper-personalization และการเสริมศักยภาพออมนิแชแนล คือเทรนด์ ที่จะมากำหนดทิศทางของอุตสาหกรรม และยังสะท้อนถึงแรงขับเคลื่อนของตลาดในวงกว้าง เห็นได้การเติบโตที่เร็วที่สุดด้าน AI-in-Retail ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 18.9% ต่อปีไปจนถึงปี 2030 ตามรายงานของ Mordor Intelligence (2024)”

 “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากความสำเร็จจาก TOPS Chef Bot ภายใต้เทคโนโลยี Generative AI ผ่านความร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อร่วมกันพัฒนา AI Chatbot ในครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญด้านประโยชน์การใช้งานและประสิทธิภาพเป็นหลัก ระบบสนทนาอัจฉริยะรุ่นใหม่นี้สามารถส่งมอบข้อมูลที่นำไปใช้ได้จริงในแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามคำสั่งซื้อ การตรวจสอบสต็อกสินค้า รวมถึงข้อมูลการค้นหาสาขา ซึ่งช่วยให้ลูกค้าวางแผนการช้อปได้สะดวกแม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในสาขาได้ดียิ่งขึ้น”

นายอรรณพ ศิริติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กูเกิล คลาวด์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ความร่วมมือกับท็อปส์สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ Google Cloud’s Customer Engagement Suite ในการยกระดับประสบการณ์ออมนิแชแนลของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการใช้ AI Agents ขับเคลื่อนการให้บริการแบบเรียลไทม์ อาทิ การตรวจสอบสต็อกทันที ทำให้ท็อปส์สามารถต่อยอดจากระบบอัตโนมัติแบบเดิมไปสู่การให้บริการที่รวดเร็ว ฉลาดขึ้น และตอบรับการให้บริการแบบเฉพาะบุคคลได้มากขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างแม่นยำ โดย AI Agents เหล่านี้ยังช่วยปรับเปลี่ยนข้อมูลสินค้าคงเหลือในสต็อกจากข้อมูลดิบ ให้กลายเป็นประโยชน์ที่จับต้องได้สำหรับผู้บริโภค พร้อมเชื่อมต่อประสบการณ์ระหว่างออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ทั้งนี้จากความสำเร็จของโครงการล่าสุดอย่าง TOPS Chef Bot เราจึงมีความมั่นใจและตั้งเป้าที่จะสานต่อความร่วมมือกับท็อปส์ เพื่อร่วมกันยกระดับมาตรฐานใหม่ด้านนวัตกรรม AI และผลตอบแทนทางธุรกิจ (ROI) ให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยต่อไป

ด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์ม Google Cloud’s Conversational Agents ทำให้ AI Chatbot เจเนอเรชั่นใหม่นี้ สามารถผสานการทำงานเข้ากับแอปพลิเคชันท็อปส์และแพลตฟอร์มท็อปส์ ออนไลน์ ได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมนำเสนอฟีเจอร์ที่พลิกโฉมวงการหลายรายการ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทั้งก่อนและระหว่างการเข้าร้าน ได้แก่

  • เช็กสต็อกแบบเรียลไทม์: ฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบว่ามีสินค้าตามที่ต้องการก่อนเดินทางไปที่สาขา ช่วยให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งราบรื่นและลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น
  • บริการลูกค้าอัจฉริยะตลอด 24 ชั่วโมง: ให้คำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อยได้ทันที พร้อมฟังก์ชันติดตามสถานะคำสั่งซื้อและข้อมูลบริการต่าง ๆ ช่วยลดเวลารอคอยและมอบการบริการที่ต่อเนื่องไม่สะดุด
  • ระบบนำทางอัจฉริยะสู่สาขา: ช่วยระบุเส้นทางไปยังสาขาที่ต้องการ และค้นหาสาขาท็อปส์ที่ใกล้ที่สุดให้กับลูกค้า
  • เข้าใจภาษาไทยอย่างเป็นธรรมชาติ: รองรับการสื่อสารหลายภาษา และได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองต่อบทสนทนาภาษาไทยได้อย่างลื่นไหล รวมถึงสำเนียงและภาษาถิ่นต่าง ๆ ช่วยให้แชทบอทเข้าใจบริบทได้อย่างแม่นยำ และสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ด้าน นายอาชิช อโรรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มนี้ ว่า “การนำ Google Cloud’s Conversational Agents มาใช้ในครั้งนี้ มุ่งตอบโจทย์การให้ความช่วยเหลือที่เข้าใจง่าย ออกแบบโดยยึดโยงความต้องการและประสบการณ์ของมนุษย์เป็นหลัก เพื่อให้รู้สึกเหมือนกำลังคุยกับมนุษย์จริง ๆ และสามารถรองรับการใช้งานในวงกว้าง โดยเราได้พัฒนาโครงสร้างระบบให้รองรับความซับซ้อนของภาษาไทยและสำเนียงท้องถิ่นได้อย่างแม่นยำ พร้อมเพิ่มความรวดเร็วในการประมวลผลงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น การติดตามสถานะคำสั่งซื้อและการเช็กสต็อกแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังผสานระบบหลังบ้านเข้าบทสนทนาขั้นสูงเพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยสามารถจัดการกับการโต้ตอบที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้นับพันรายการในทันที พร้อมส่งมอบประสบการณ์เสมือนมนุษย์ที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า”

ด้วยฟีเจอร์ตรวจสอบสต็อกคงเหลือที่สะดวกและการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แชทบอทนี้จึงไม่เพียงสร้างประโยชน์ที่จับต้องได้ให้กับลูกค้า แต่ยังสร้างประโยชน์เชิงธุรกิจแก่ท็อปส์ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ลดต้นทุนงานบริการลูกค้า และสร้างข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อนำไปใช้วางกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ เสริมความได้เปรียบทางการแข่งขันของท็อปส์ในตลาดค้าปลีกไทยที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

“การเปิดตัวครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยในระยะถัดไป ท็อปส์เตรียมนำระบบ Personalized Shopping Intelligence เข้ามาเสริมศักยภาพการให้บริการ ผ่านเทคโนโลยีคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า การปรับโปรโมชันและคำแนะนำสินค้าให้เหมาะกับพฤติกรรมการช้อปปิ้งของแต่ละบุคคล และการเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับโปรแกรมสมาชิกอย่างครบวงจร โดยมีเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นผู้ช่วยช้อปปิ้งที่สามารถตอบโจทย์และเข้าใจลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายสเตฟาน กล่าวสรุป

TOPS Chatbot พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ผ่านแอปพลิเคชัน TOPS ONLINE ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.TOPS.co.th, เฟซบุ๊ก TOPSThailand หรือแอปพลิเคชันไลน์ @TOPSThailand