ปัจจุบันประเทศจีนได้กลายมาเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจสําคัญที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้จีนอาจก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้จีนกลายเป็นประเทศที่หลายประเทศทั่วโลกอยากสานสัมพันธ์โดยเฉพาะ ด้านการค้ามากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการสร้างโอกาสการค้ากับผู้ประกอบการจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (มฉก.) ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเข้มเเข็งด้านจีนศึกษา และทํานุบํารุงสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย – จีน ได้เปิดโครงการพัฒนาผู้นําไทย – จีน หลักสูตรวิทยาการผู้นํารุ่นใหม่ไทย – จีน (วมทจ.) Thai – Chinese Leadership Studies Junior (TCLJ)” เพื่อพัฒนาผู้นํารุ่นใหม่ให้เข้าใจวัฒนธรรมการทําธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศจีน อันจะนําไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
จากความสำเร็จของหลักสูตรวิทยาการผู้นำไทย – จีน (วทจ.) หรือ Thai – Chinese Leadership Studies (TCL) อันเป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และสำนักกิจการชาวจีนโพ้นทะเล สำนักนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีน รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจ เจ้าของกิจการที่คว่ำหวอดในวงการธุรกิจ ตลอดจนมีธุรกิจหรือแผนการค้าขายในประเทศจีนได้เข้าใจ เข้าถึง และการพัฒนาของประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ความมั่นคง สร้างความเข้าใจ อย่างท่องแท้ในประเด็นความสัมพันธ์ทางการค้าไทย – จีน
ล่าสุด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติได้ต่อยอดความสำเร็จเปิดโครงการพัฒนาผู้นําไทย – จีน หลักสูตรวิทยาการผู้นํารุ่นใหม่ไทย – จีน (วมทจ.) Thai – Chinese Leadership Studies Junior (TCLJ)” รุ่นแรก เพื่อพัฒนาผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มอง ปัจจุบันเห็นอนาคตของจีนทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตจีนภิวัฒน์
ทั้งนี้ ณ กาฬ เลาหะวิไลย ที่ปรึกษาหลักสูตร เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติได้เปิดหลักสูตร วทจ.รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 โดยมีกลุ่มผู้บริหารระดับสูงภาคธุรกิจ ผู้บริหารภาครัฐ ผู้บริหารองค์กรอิสระ ผู้บริหารองค์กร ทางสังคม ผู้บริหารสถาบันการศึกษา อายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงภายในประเทศของจีนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่าน กำลังจุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนไปทั่วโลกโดยเฉพาะใน 10 – 20 ปี ข้างหน้า นั่นหมายความว่ากลุ่มผู้บริหารระดับสูงซึ่งเข้าร่วมโครงการ วทจ. รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ไม่ใช่ผู้จะที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากอนาคตจีนภิวัฒน์ แต่กลุ่มที่จะต้องได้รับผลกระทบ จากคลื่น ความเปลี่ยนแปลงที่จีนเป็นผู้จุดชนวนที่แท้จริงคือกลุ่ม ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเตรียบรับมือภายใต้โจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทั่วโลก ต้องทำการบ้านว่าจะปรับตัวและแสวงหาโอกาสจากคลื่นความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไรเพราะจีนเป็นได้ทั้งคู่แข่ง คู่ค้าและพันธมิตร นำมาสู่การพัฒนาหลักสูตรเพื่อผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ได้พัฒนาศักยภาพให้มีความพร้อมในการนําองค์กรสู่ยุค 4.0 และขับเคลื่อนไปในแนวทางของเศรษฐกิจโลกและประเทศจีน จนออกมาเป็นหลักสูตร วมทจ. รุ่นที่ 1 โดยยึดแกนหลักสูตรวทจ.รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 เป็นแนวทางพัฒนาและเพิ่มเติมเนื้อหาที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่จำเป็นต้องรู้ โดยเฉพาะ 4 เรื่องสำคัญ คือ เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ภายใต้โครงสร้างหลักสูตร 3 กลุ่มสาระ ได้แก่
กลุ่มสาระที่ 1 วัฒนธรรมการทําธุรกิจไทย – จีน มุ่งเน้นสร้างความเข้าใจในการสืบสานตํานานลอดลายมังกร สภาพแวดล้อม และปัจจัยในการทําธุรกิจการค้ากับจีน นโยบายเศรษฐกิจ One Belt One Road พลังหยินหยางและพลานุภาพหยวน
กลุ่มสาระที่ 2 การเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการเมืองและธุรกิจของจีนในปัจจุบัน (Politics and Business in Today’s China) เคล็ดลับความสําเร็จของผู้ประกอบการยุค 4.0 ภูมิปัญญากับการประกอบธุรกิจจีนยุคใหม่ Trade – War ผลกระทบและโอกาส จีน 5.0 และนวัตกรรมของผู้ประกอบการใหม่สู่ผู้นําโลก
กลุ่มสาระที่ 3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของจีน โดยจะเข้าไปศึกษาดูงานและศึกษาที่ปักกิ่งและมหาวิทยาลัยปักกิ่ง จํานวน 2 – 3 รายวิชา ตามความเหมาะสมในประเด็นที่น่าสนใจในแต่ละช่วงเวลา
“หลักสูตร วมทจ. รุ่นที่ 1 เป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารระดับกลางหรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีความสนใจ ที่จะดําเนินงานด้านต่าง ๆ ร่วมกับจีน หรือสนใจส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย – จีน โดยเฉพาะในแง่ของเศรษฐกิจและธุรกิจไทย – จีน และเป็นผู้ที่ต้องการพัฒนาตนเองและองค์กรด้วยกลยุทธ์ระดับสูง เราเชื่อว่าด้วยหลักสูตรดังกล่าวผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่เข้าร่วมหลักสูตรจะสามารถสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องพื้นฐานที่สำคัญของจีนด้านเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และรากฐานจิตวิญญาณของจีนที่สืบทอดกันมา ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำไปต่อยอดในการปรับทิศทางธุรกิจและแสวงหาโอกาสทางการค้ากับจีน ทั้งการขยายธุรกิจไปยังประเทศจีนหรือร่วมลงทุนกับนักธุรกิจจีนรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้ามาแสวงหาโอกาสทางการค้าในไทยได้”
ทางด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จของหลักสูตรวิทยาการผู้นำไทย – จีน (วทจ.) รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 มาจนถึงหลักสูตรวิทยาการผู้นํารุ่นใหม่ ไทย – จีน (วมทจ.) ที่ได้รับผลตอบรับล้นหลามจากเจนเนอเรชั่นที่ 2 หรือทายาทของผู้ร่วมหลักสูตร วทจ. ทั้ง 2 รุ่น เป็นการตอกย้ำที่ชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติมีความเข้มแข็งทางด้านจีนศึกษา ทางมหาวิทยาลัยจึงจัด ตั้งสถาบันวิทยาการผู้นำไทย – จีน ขึ้น โดยจะทำหน้าที่ 3 ส่วนหลัก คือ 1. ให้ความรู้ ฝึกอบรมในประเด็นเกี่ยวข้องกับจีน 2. เป็นแหล่งข้อมูลเผยแพร่ทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจไทย – จีน และ 3. เป็นที่ปรึกษาให้นักธุรกิจไทยที่ต้องการเข้าไปทำธุรกิจ ในจีนหรือนักธุรกิจจีนที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจในไทย รวมทั้งทำงานวิจัยตามที่นักธุรกิจไทย – จีนร้องขอ
อย่างไรก็ตาม จากความสำเร็จของหลักสูตรวิทยาการผู้นำไทย – จีน (วทจ.) และผลตอบรับที่ดีอย่างมีนัยสำคัญของหลักสูตรวิทยาการผู้นํา รุ่นใหม่ไทย – จีน (วมทจ.) จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายการพัฒนานักธุรกิจไทย – จีนทั้งภาครัฐและเอกชน และ เพิ่มโอกาสการประสานความร่วมมือและสานสัมพันธ์ไทย – จีน ที่ยั่งยืนในอนาคตอันใกล้ได้อย่างแน่นอน