แอสคอทท์เดินหน้ากลยุทธ์ “Asset-Light” และ “Multi-Typology” มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดไทย

แอสคอทท์เดินหน้ากลยุทธ์ “Asset-Light” และ “Multi-Typology”
มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดไทย

ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ประเทศไทย (Ascott) ในเครือ CapitaLand Investment ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2568 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการที่พักครบวงจร พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตระยะยาว ผ่านการขยายพอร์ตโฟลิโอและการนำเสนอที่พักหลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับความต้องการของนักเดินทางทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าองค์กร นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว Leisure

ขยายพอร์ตโฟลิโอต่อเนื่อง เสริมจุดแข็งตลาดไทยและลาว
ปัจจุบัน แอสคอทท์บริหารโครงการในประเทศไทยแล้วกว่า 26 โครงการ และในลาวอีก 1 โครงการ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาเพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ล่าสุดได้เปิดตัว La Clef Bangkok by The Crest Collection เซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี บนสุขุมวิท 38 และเตรียมเปิด Ascott Abov Patong Phuket โครงการใหญ่แห่งแรกของแบรนด์ในภูเก็ต มีกำหนดเปิดตัว Q2 ปี 2027 ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในการขยายสู่ตลาดรีสอร์ตในประเทศ ทั้งนี้ อัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Average Occupancy) ของแอสคอทท์ยังคงแข็งแกร่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ 68%, ศรีราชาและพัทยา 70% และเวียงจันทน์ 80% และขยายไปถึงหัวหินและสมุยในอนาคต

คุณคณิต แสงมุกดา ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและลาว กล่าวว่า “ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดหลักและศูนย์กลางการเติบโตสำคัญของแอสคอทท์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีที่พักหลากหลายครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ พัทยา ศรีราชา และลาว ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทาง”

แอสคอทท์มุ่งเน้นกลยุทธ์หลัก 3  ด้านเพื่อการเติบโตในระยะยาว

  1. กลยุทธ์ Asset-Light — เน้นการขยายธุรกิจผ่านสัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) และระบบแฟรนไชส์ (Franchise Agreement) โดยร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการขาย การตลาด และระบบบริหารจัดการมาตรฐานสากลของแอสคอทท์

  2. กลยุทธ์ Multi-Typology — ขยายพอร์ตโฟลิโอจากเซอร์วิสเรสซิเดนซ์สู่โรงแรม รีสอร์ต โคลีฟวิ่ง และเรสซิเดนซ์ ภายใต้โมเดลบริการไฮบริด ซึ่งมุ่งเน้นการให้บริการแบบ Luxury ที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงกลุ่ม B-leisure, Digital Nomads และครอบครัว

  3. กลยุทธ์การสร้างพันธมิตรเพื่อขยายสู่เมืองท่องเที่ยวหลัก — มุ่งขยายพอร์ตสู่หัวเมืองสำคัญ เช่น พัทยา ภูเก็ต และหัวหิน เพื่อเสริมตลาด Leisure ควบคู่กับตลาดองค์กร (Business) สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทั้งสองเซ็กเมนต์

คุณคณิตกล่าวเพิ่มเติมว่า “หัวใจของความสำเร็จของแอสคอทท์คือการยึดแนวทาง Asset-Light ซึ่งช่วยให้เราขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว มั่นคง และยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนเติบโตไปกับเราในระยะยาว”

ฐานลูกค้าหลากหลาย เสริมความแข็งแกร่งแม้เผชิญความท้าทาย
แม้ปี 2025 จะเป็นปีที่ท้าทายในตลาด Leisure แต่แอสคอทท์ยังคงเห็นการเติบโตของตลาดลูกค้าองค์กรทั้งระยะสั้นและระยะยาวจากหลากหลายประเทศ อาทิ ไทย ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สหรัฐฯ ออสเตรีย และเกาหลี โดยการชะลอตัวจากตลาดจีนสามารถชดเชยได้จากการขยายตัวของตลาดเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งสะท้อนถึงฐานลูกค้าที่มั่นคงและหลากหลาย

เดินหน้าธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบ Ascott CARES
แอสคอทท์ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านกรอบแนวทาง Ascott CARES ครอบคลุมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน โดยจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เช่น Ascott Charity Run และ Shoes to School

มุ่งยกระดับประสบการณ์ผู้เข้าพักสู่มาตรฐานใหม่
สำหรับทิศทางในอนาคต แอสคอทท์ตั้งเป้ายกระดับประสบการณ์การเข้าพักให้เหนือความคาดหมาย ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า พันธมิตร และชุมชนในทุกพื้นที่ที่เข้าไปดำเนินงาน

——-

ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus