ธุรกิจ Video Streaming ทั่วโลกในปี 2568 มีการแข่งขันสูงอย่างต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นใหม่ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีนที่นำซีรีส์จีนเข้าตีตลาดด้วยหลากหลายแพลตฟอร์ม หลังจากมองเห็นว่าธุรกิจ Streaming มีแนวโน้มเติบโตสูงทั่วโลกจากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชอบดูหนัง ซีรีส์ หรือคอนเทนต์ต่างๆบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
ดังนั้น จึงเริ่มมีการนำกลยุทธ์ ‘Localization’ หรือการทำคอนเทนต์ให้เข้ากับความชอบ และพฤติกรรมของคนในพื้นที่นั้นๆ ที่เห็นชัดเลยคือการนำซีรีส์เกาหลีมาพากย์เป็นภาษาท้องถิ่น อย่างภาษาเหนือ หรืออีสาน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีความแปลกใหม่ และแหวกแนว ดังนั้น Video Streaming ที่ไม่มีการปรับตัวก็อาจจะเสียส่วนแบ่งการตลาดนี้ไปได้ในอนาคต
ซึ่งครั้งนี้ ‘Business Plus’ จะพาไปสำรวจแพลตฟอร์ม Video Streaming ทั่วโลกที่มีฐานสมาชิกมากที่สุด 6 อันดับแรก ซึ่ง 6 อันดับนี้มีจำนวน Subscribers ในระดับ 100 ล้านคน
จาก Infographic จะเห็นว่าผู้นำของตลาดนี้คือ Netflix ที่กินส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน โดยข้อมูลสิ้นปี 2567 มีจำนวนสมาชิกที่มากถึง 300 ล้านคนทั่วโลก ด้วยการเข้าถึง 190 ประเทศ และมี Original Content ที่คอยป้อนให้กับคนดูอยู่สม่ำเสมอ โดยที่ผ่านมามีซีรีส์ดังที่ดูได้เฉพาะใน Netflix เช่น Stranger Things และ Squid Game โดยรายได้ของ Netflix ในปี 2567 อยู่ที่ 1.28 ล้านล้านบาท และถูกคาดการณ์ว่าในปี 2568 รายได้แตะ 1.4 ล้านล้านบาท (InnovestX Research)
อย่างไรก็ตามหากดูส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลับพบว่า Prime Video ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon ไล่บี้มาอย่างต่อเนื่อง สลับกันเป็นผู้นำในรายไตรมาส โดยไตรมาส 2/2568 ทาง Prime Video ขึ้นมานำ Netflix เล็กน้อย
ส่วนอันดับที่ 2 Prime Video ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในเครือ Amazon ผู้นำในอุตสาหกรรม E-commerce ซึ่งในแพลตฟอร์มมีทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการทีวี และ Amazon Originals ที่โด่งดังเช่น The Boys, The Ring of Power มีจำนวนสมาชิก 230 ล้านคน สร้างรายได้ 4.45 แสนล้านบาท
ต่อมาเป็น Disney+ Hotstar อยู่ในเครือ Walt Disney ซึ่งมีฐานสมาชิก 159 ล้านคน จุดเด่นคือการมีหนังฟอร์มยักษ์ให้ดูย้อนหลังมากมายอย่างค่าย Marvel, Disney, Pixar ในปี 2567 ทำรายได้ไป ราว 343,200 ล้านบาท
นอกจาก 3 อันดับแล้วเราพบว่า มีแพลตฟอร์มจากประเทศจีนติดอันดับ 1-6 มากถึง 2 แพลตฟอร์ม นั่นคือ Tencent Video และ iQiyi ซึ่งทำให้เห็นว่าจีนได้บุกเข้าตลาดนี้อย่างเต็มรูปแบบ โดยทั้ง 2 แพลตฟอร์มอยู่ภายใต้บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก อย่าง Tencent และ Baidu จึงมีเงินทุนในการทำตลาดอย่างมาก และยังทำให้ซีรีส์จีนติดตลาดได้อย่างง่ายดาย จากเนื้อหาที่ชวนให้ติดตาม และป้อนคอนเทนต์ใหม่ๆอยู่เสมอๆ
ที่มา : JustWatch , eMarketer , prioridata ,companiesmarketcap
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์