La Dolce Vita รีสอร์ทแห่งแรกและแห่งเดียวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชายฝั่งอมาลฟี

หากเอ่ยถึงชายฝั่งอมาลฟีของอิตาลี ภาพความโรแมนติกของหมู่บ้านสีพาสเทลที่เรียงรายตามหน้าผา ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พร้อมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามดั่งภาพวาด คงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนใฝ่ฝันจะได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต แต่ความพิเศษคือ วันนี้ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลข้ามทวีป เพราะเวียดนามได้เผยโฉมรีสอร์ทแห่งแรกและแห่งเดียว ที่นำแรงบันดาลใจจากอมาลฟี มาเนรมิตไว้บนชายฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้แขกผู้มาเยือนดื่มด่ำกับประสบการณ์ ณ La Dolce Vita

ทันทีที่ก้าวเข้าสู่รีสอร์ท คุณจะรู้สึกเสมือนถูกพาไปยังหมู่บ้านชายฝั่งทะเลอิตาลี โทนสีขาว ครีม และพาสเทลที่ตกแต่งผสมผสานกับไม้และหินธรรมชาติ ถ่ายทอดความอบอุ่นและความโปร่งสบาย ผนังโค้งมนและระเบียงที่ทอดยาวให้แสงแดดและลมทะเลสอดแทรกเข้ามาในทุกมุม มองออกไปคือวิวมหาสมุทรที่ตัดกับท้องฟ้า สร้างบรรยากาศที่ทั้งผ่อนคลายและโรแมนติกในเวลาเดียวกัน

ห้องพักทุกยูนิตถูกออกแบบให้มีระเบียงส่วนตัว ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ทุกวัน ความใส่ใจในรายละเอียด เช่น เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ร่วมสมัย พื้นหินอ่อนและผ้าม่านสีอ่อน ล้วนสะท้อนรสนิยมแบบเมดิเตอร์
เรเนียนที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์

และหนึ่งในประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนั่งจิบกาแฟหรือไวน์ชั้นเลิศจากระเบียงห้อง เพื่อชมพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากขอบฟ้าเหนือท้องทะเลเวียดนาม แสงสีทองที่สาดกระทบผิวน้ำพลิ้วไหว ช่างเป็นภาพที่ตราตรึงหัวใจ

ในขณะที่ทีมเชฟผู้เชี่ยวชาญของรีสอร์ทนำโดยเชฟชาวอิตาลี Simone Molinu ได้นำประสบการณ์การทำอาหารต้นตำรับอันล้ำค่ามาสู่เกาะฟู้ก๊วก โดยเชฟ Simone มีบทบาทสำคัญในการออกแบบเมนูอาหารอิตาเลียน-เมดิเตอร์เรเนียนอย่างพิถีพิถัน ด้วยความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับวัตถุดิบทั้งท้องถิ่นและนำเข้า ที่สั่งสมจากประสบการณ์การบริหารครัวอิตาเลียนระดับลักชัวรีมาหลายปี หมายความว่า แขกผู้เข้าพักจะได้ลิ้มรสชาติอิตาลีแท้ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ คุณยังสามารถสัมผัสบรรยากาศสุดหรู ด้วยการมองเห็นสะพานคิส (Kiss Bridge) แลนด์มาร์กที่กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของการท่องเที่ยวเวียดนาม สะพานที่ทอดยาวสู่ทะเลและเชื่อมสองฝั่งเข้าหากัน เปรียบเสมือนการบรรจบของความรักและความฝัน แขกผู้เข้าพักสามารถเดินเล่นยามเย็น สูดอากาศบริสุทธิ์ และปล่อยใจไปกับเสียงคลื่นที่ซัดสาดอย่างแผ่วเบา

ประสบการณ์ La Dolce Vita

แน่นอนว่า รีสอร์ทแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงที่พัก แต่เป็นการเชื้อเชิญให้คุณใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนริมสระว่ายน้ำอินฟินิตีที่ทอดยาวเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับทะเล การรับประทานอาหารจากเชฟมากฝีมือที่คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ นำเสนอในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนผสานกับความเป็นเวียดนาม หรือจะเป็นการทำสปาท่ามกลางกลิ่นอโรมาที่ช่วยคืนความสดชื่นและความสมดุลให้ร่างกายยามค่ำคืน แสงไฟจากรีสอร์ทส่องประกายอุ่นไหว ชวนให้ผู้เข้าพักนั่งจิบค็อกเทลริมระเบียง ฟังดนตรีแจ๊สเบา ๆ และปล่อยใจไปกับความสงบที่หรูหราเหนือคำบรรยาย

คุ้มค่ากับการมาเยือน

สิ่งที่ทำให้รีสอร์ทแห่งนี้พิเศษ ไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบที่เลียนแบบชายฝั่งอมาลฟีได้อย่างงดงาม แต่คือการตีความและปรับให้เข้ากับเสน่ห์ของเวียดนาม แขกจะได้สัมผัสทั้งบรรยากาศแบบอิตาเลียนและความอบอุ่นแบบเอเชียในคราวเดียว ที่นี่จึงไม่ใช่เพียงการพักผ่อน แต่คือการลงทุนในประสบการณ์ชีวิตที่ยากจะลืม

สำหรับผู้ที่แสวงหาสถานที่พักผ่อนที่ผสมผสานความหรูหรา โรแมนติก และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม รีสอร์ทแห่งนี้คือคำตอบอย่างแท้จริง เพราะทุกวันคือโอกาสที่จะได้สัมผัส “ความหวานละมุนของชีวิต” หรือ La Dolce Vita โดยไม่ต้องเดินทางไกลถึงอิตาลี

 

เขียนและเรียบเรียง : สุรชัย บ่อจันทึก

ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+  : https://lin.ee/pbIHCuS

IG  : https://www.instagram.com/businessplus.th/

Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829

#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business