เงินบาทไทยแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ (9 ก.ย.68) เงินบาทเปิดที่ 31.63 ขณะที่นักบริหารเงินแนะนำให้จับตาเงินทุนต่างชาติไหลเข้า คาดกรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ 31.60-31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทนั้น มีทั้งผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ โดยผู้นำเข้าจะได้ประโยชน์เพราะเงินบาทแข็งค่าเท่ากับใช้เงินบาทในการซื้อสินค้าเข้าประเทศน้อยลง แต่ผู้ส่งออกจะได้รับผลกระทบจากการที่นำเงินต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทแล้วได้น้อยลง แต่การแข็งค่าในระดับที่สูงที่สุดในรอบหลายปีอาจทำให้เกิดผลกระทบด้านลบมากกว่าด้านดี
โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุถึง สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องจนแตะระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ว่า เป็นการแข็งค่าที่รวดเร็วและรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี (รอบ 4 ปี) สวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจจริงของประเทศ
ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
- ภาคการส่งออก :ต้องเผชิญการแข่งขันที่ยากลำบาก เนื่องจากราคาสินค้าไทยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ส่งผลต่อยอดขายและรายได้จากต่างประเทศ
- ภาคการท่องเที่ยว :ความแข็งค่าของเงินบาททำให้ประเทศไทยมีต้นทุนการท่องเที่ยวสูงขึ้นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดแรงจูงใจในการเดินทางมาไทย
- ภาคเกษตรกรรม :เกษตรกรไทยที่พึ่งพาการส่งออกได้รับผลกระทบหนักจากต้นทุนและรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับค่าเงิน โดยเฉพาะข้าวนาปี และพืชไร่ที่กำลังจะออกมา
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งรุนแรงกว่าประเทศอื่น หอการค้าไทยชี้ว่า การแข็งค่าของเงินบาทครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจาก
- เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระยะต่อไป ทำให้ค่าเงินของหลายประเทศในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นโดยอัตโนมัติ
- ปัจจัยด้านทองคำ ประเทศไทยมีการถือครองทองคำจำนวนมาก และราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขายทองคำออกมาเป็นเงินตราต่างประเทศ และแปลงกลับเป็นเงินบาท ส่งผลให้มีความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น ทำให้เงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่ค้าอย่างผิดปกติ รวมถึงมี fund flow ที่เข้ามาประเทศด้วย ซึ่งอาจจะมาจากพวก Crypto ด้วย
นอกจากนี้ยังมี ปัจจัยภายนอกที่ซ้ำเติมความเปราะบาง ได้แก่
- มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่หลายประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป กำลังทบทวนหรือพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งจะกระทบความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยและยิ่งซ้ำเติมผลกระทบจากเงินบาทแข็ง
- ข้อจำกัดด้านการแทรกแซงค่าเงินการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปดูแลค่าเงินบาทอย่างเข้มข้นอาจทำให้ไทยถูกเพ่งเล็งว่า “บิดเบือนค่าเงิน” โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเชื่อมโยงกับ การเจรจาภาษีการค้าและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย–สหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่ จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องวางนโยบายอย่างรอบคอบ
ทั้งหมดนี้ทำให้ สภาหอการค้ามองว่า เงินบาทที่แข็งค่าเกินไป ไม่ได้สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย แต่กลับทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เราจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน
ที่มา : IQ , หอการค้าไทย
The Business Plus บิสิเนสพลัส
