The Success Story of The Month By ‘Business Plus’ ฉบับเดือนสิงหาคม 2568 จะพาผู้อ่านมาพบกับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่จะมาเล่าถึง Movement สำคัญ และแผนงานในอนาคตของ WHA Group ที่ทุกคนห้ามพลาด ด้วยประการทั้งปวง…
WHA’s Visionary Leaders Driving Thailand
Industrial Information through Tech and Sustainability
ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ผู้นำ” หญิงคนหนึ่งที่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความสำเร็จเกิดจากความมุ่งมั่น วิสัยทัศน์ และความสามารถในการมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองข้าม คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คือตัวอย่างที่ชัดเจนของผู้นำหญิงที่สามารถเปลี่ยนแปลงวงการอุตสาหกรรมไทยได้อย่างสิ้นเชิง รวมถึงแนวคิดการไปเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนตามสโลแกน WHA: WE SHAPE THE FUTURE
ยิ่งไปกว่านั้น เธอได้สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ดิจิทัลโซลูชันก่อนจะขยับครั้งสำคัญด้วยการเพิ่มกลุ่มโมบิลิตี้ (Mobility) ภายใต้แบรนด์ “Mobilix” ที่นำเสนอโซลูชันกรีนโลจิสติกส์แบบครบวงจร ความน่าสนใจของธุรกิจทั้งหมดของ WHA Group และหลักการบริหารองค์กร ไม่มีใครให้ข้อมูลเชิงลึกได้ดีที่สุดเท่ากับเธออีกแล้ว
Cover Story ฉบับนี้ กองบรรณาธิการ Business+ ได้รับเกียรติสูงสุดจากคุณจรีพร จารุกรสกุล ที่จะมาเล่าถึง Movement สำคัญ และแผนงานในอนาคตของ WHA Group ที่ทุกคนห้ามพลาด ด้วยประการทั้งปวง…
“เมื่อใดที่เห็น Logo WHA ที่นั่นต้องเจริญ และเราอยากผลักดันให้ประเทศไทย กลายเป็น The World’s Best Investment Destination สำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก” คำตอบจากคุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ตอบคำถามแรกของเราที่ถามท่านว่า “อยากให้คนทั่วโลกจดจำ หรือพูดถึง WHA อย่างไร”

กับคำถามต่อเนื่อง แล้ว WHA ต้องวางแผนเชิงรุกอย่างไร เพื่อให้เป้าหมายนี้สัมฤทธิ์ผล ?
คุณจรีพรอธิบายว่า เริ่มต้นธุรกิจแรกจากการเป็นบริษัทเทรดดิ้งพลาสติกด้วยการลงทุนที่จำกัดเพียง 1 ล้านบาท ด้วยวิสัยทัศน์ในการมองอนาคต และจากประสบการณ์ที่ธุรกิจพลาสติกจะเกี่ยวข้องกับการใช้คลังสินค้า เมื่อพบว่าต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยสูงกว่าต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญจึงเห็นช่องว่าง (gap) ในตลาด จึงเห็นเป็นโอกาส และได้ตัดสินใจเริ่มทันที โดยริเริ่มการสร้างคลังสินค้าในรูปแบบ Built-to-Suit ที่สามารถตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้าได้มาตรฐานสากล
“คิดแล้วต้องทำเลย” และ “ต้องคิดไกลมากกว่าหนึ่งก้าวเสมอ” คือหนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของคุณจรีพร ซึ่งว่ากันว่า นี่คือบุคลิกและตัวตนที่แท้จริงของเธอ
แน่นอนว่า ในฐานะผู้นำองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบริษัทในเครือมากกว่า 104 บริษัท คุณจรีพร ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอนมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของ WHA Group ก่อนจะต่อยอดเพิ่มขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนมี 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ใหญ่และสมบูรณ์ ได้แก่ โลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภคและพลังงาน (Utilities & Power) และดิจิทัลเทคโนโลยี ก่อนจะขยับครั้งสำคัญด้วยการเพิ่มกลุ่ม “โมบิลิตี้” (Mobility) ภายใต้แบรนด์โมบิลิกส์ (Mobilix) ที่นำเสนอโซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร กลายเป็น 5 เสาหลักของธุรกิจในปัจจุบัน ประกอบด้วย
โลจิสติกส์ : ผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร มุ่งเน้นการพัฒนาคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าให้เช่าคุณภาพสูง ทั้งแบบพร้อมใช้ (Ready-Built) และแบบออกแบบเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) ที่ตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างครบถ้วน
นิคมอุตสาหกรรม : ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมอันดับ 1 ของไทย ด้วยแนวคิด Smart Eco Industrial Estate ดับบลิวเอชเอ มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่ครบครันในระดับมาตรฐานสากล อาทิ ระบบไฟฟ้า น้ำประปา บำบัดน้ำเสีย การจัดการของเสีย การสื่อสารโทรคมนาคม อินเทอร์เน็ต ตลอดจนการอำนวยความสะดวกด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
สาธารณูปโภคและพลังงาน : ผู้ให้บริการโซลูชันด้านสาธารณูปโภคและพลังงานแบบครบวงจร โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำอุตสาหกรรม ตั้งแต่การจัดหาน้ำดิบ การผลิตและจำหน่ายน้ำ ไปจนถึงการบำบัดน้ำเสีย พร้อมนำนวัตกรรม Water Reclamation มาใช้ในการบำบัดและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ ด้านพลังงาน ดับบลิวเอชเอพัฒนาโครงการทั้งพลังงานทั่วไป และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด อาทิ การผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน
ดิจิทัลเทคโนโลยี : ผู้ให้บริการด้านดิจิทัล เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ WHA Group และเดินหน้า ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงลูกค้า และสร้างผลิตภัณฑ์และมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ ปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 12 โครงการ ได้แก่ Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar เป็นต้น
โมบิลิตี้ : ภายใต้แบรนด์ “Mobilix” นำเสนอโซลูชันกรีนโลจิสติกส์แบบครบวงจร (Built-to-Suit EV Ecosystem of Logistics) ที่ครอบคลุมพร้อมให้ 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์ และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะอันทันสมัยสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
จาก 5 เสาหลักธุรกิจของ WHA Group ได้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองการปรับตัวอย่างน่าสนใจ เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันในธุรกิจที่ก้าวไกลในระดับโลกไปแล้ว หมายความว่า นิคมอุตสาหกรรมได้ Transform ตัวเองใหม่ ให้สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 5.0 โดยวางจุดขายใหม่ เป็น Smart Industrial Estate ซึ่งผู้ให้บริการต้องตอบโจทย์ได้ในทุกมิติ
โดยเบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณจรีพร บอกว่า “เราต้อง Action จากวิสัยทัศน์ไปสู่แผนการทำงานที่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ที่สำคัญทุกย่างก้าวต้องให้ทันต่อเมกะเทรนด์ระดับโลก โดยเราให้ความสำคัญทั้งหมด 3 เรื่อง ประกอบด้วย ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) เทคโนโลยี และความยั่งยืน ซึ่งหมายรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งองค์ประกอบทั้ง 3 ด้านนี้จะเป็นข้อมูลโดยตรงสำหรับการขยายและการพัฒนากลยุทธ์ของ WHA Group ในทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องสิ่งแวดล้อม WHA Group ยืนยันว่าได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก่อนที่แนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) จะเป็นที่สนใจอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้
อีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญที่ปลุกกระแสและกลายเป็นต้นแบบขององค์กรในไทยหลายปีก่อน เมื่อองค์กรชั้นนำอย่าง WHA Group ประกาศเริ่มต้นความคิดเกี่ยวกับการทำ Digital Transformation ในปี 2021 ต่อมาในปี 2022 ได้เริ่มสร้างวัฒนธรรมและปรับเปลี่ยนแนวคิดของคนในองค์กร ในปี 2023 มีการจัดทำแผนงาน (Roadmap) และเริ่มนำมาใช้งานจริงในปี 2024
นอกจากนี้ WHA Group ประกาศบุกเบิกเรื่องเทคโนโลยีตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีมากกว่า 40 โครงการ แอปพลิเคชันมากกว่า 50 ตัวที่ครอบคลุมทุกด้านของธุรกิจ พร้อมกับการนำวัฒนธรรมการทำงานแบบ Paperless มาใช้ ตั้งแต่การอนุมัติต่าง ๆ ใช้เป็นระบบออนไลน์ทั้งหมด รวมถึงมีการเก็บข้อมูลก็เป็นแบบออนไลน์ บอร์ดบริหารของ WHA ใช้แท็บเล็ต (Tablet) ในการทำงานมาประมาณ 8 ปีแล้ว
จนปัจจุบันยังมีการนำ AI มาใช้ในหลายส่วนงาน เช่น Solar Forecasting เพื่อคาดการณ์และพยากรณ์การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบ Solar Anomaly เป็นการตรวจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบโซลาร์ เพื่อช่วยให้การบำรุงรักษาและการผลิตพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real-time Monitoring System) นับเป็นการใช้ AI / Machine Learning ในการประมวลผล เพื่อลดเวลาในการตรวจสอบ และแจ้งเตือนทันทีหากมีปัญหา
อย่างไรก็ดี คุณจรีพร มองว่า WHA Group คือ Tech & Sustainable Company ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการสร้างกำไร แต่ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจและทุกมิติ รวมทั้งเปลี่ยน Culture องค์กร พร้อมกับอัปสกิลคนให้รองรับการเป็นองค์กรดิจิทัล
ทุกก้าวย่างของ WHA Group คือการตอกย้ำว่า ธุรกิจจะเติบโตอย่างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อสามารถสร้างประโยชน์และความยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วนได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ วิสัยทัศน์ของคุณจรีพรยังครอบคลุมถึงการบุกเบิกเริ่มนำแนวคิด “เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน (Circular Economy)” มาใช้ เพื่อเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาถึงการสร้างความคุ้มค่าและเพิ่มมูลค่าให้วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่แผงโซลาร์เซลล์ที่มีอายุ 25 ปี ไปจนถึงการนำแบตเตอรี่ EV ที่จะมีทั้งนำกระบวนการนำมาหมุนเวียนใช้ซ้ำ ทั้ง Reuse, Reduce และ Recycle ในที่สุด
ความยั่งยืน จากแนวคิดสู่การลงมือทำ
คุณจรีพรย้ำชัดว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์แน่นอนสำหรับ WHA Group แต่เป็น DNA ที่ฝังรากลึกอยู่ภายใน มากกว่านั้น WHA คือ Tech & Sustainable Company ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการสร้างกำไรเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญกับการ “สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และพนักงาน” ซึ่งแนวคิดนี้ถูกสอดแทรกไว้ ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งเครือ WHA Group
คุณจรีพร เล่าย้อนว่า WHA Group ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจโลจิสติกส์ WHA ได้ศึกษาแนวคิด Green Concept และวิธีการออกแบบอาคาร เพื่อลดการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุนพลังงานให้กับลูกค้า รวมถึงการออกแบบให้มีระบบระบายอากาศที่ดี (Ventilation) เพื่อป้องกันสินค้าเสียหายจากความร้อน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค และเพื่อลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศในอาคาร แนวคิดเหล่านี้ยังนำไปสู่การพัฒนา Solar Roof โดยกว่า 10-20 ปีที่แล้ว WHA ได้ริเริ่มแนวคิดการสร้างหลังคาสองชั้น (Double Roof) เพื่อลดความร้อนและลดการใช้พลังงาน เป็นการสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับแนวคิด Green มาโดยตลอด
“ทุกการขยับขยายของ WHA เกิดจากการสังเกตและวิเคราะห์เมกะเทรนด์อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงการตามกระแส แต่เป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้าเพื่อรองรับอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ ประเด็นคาร์บอน
ฟุตพรินต์ และความต้องการพลังงานสะอาดที่เพิ่มสูงขึ้น นั่นคือเทรนด์ที่ลูกค้าทั่วโลกต้องการ และเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ธุรกิจ Mobility ซึ่งเป็นธุรกิจล่าสุดของเรา อันเป็นผลลัพธ์จากการศึกษาเชิงลึกและออกแบบระบบนิเวศ เพื่อรองรับอนาคตอย่างตั้งใจที่จะเป็นแม่แบบของผู้นำธุรกิจแห่งความยั่งยืน
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ Mobility ได้แก่ กลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์และผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม โดย WHA ได้สร้าง Ecosystem ที่เป็นมากกว่าการให้เช่ารถ EV แบบทั่วไป บริษัทได้พัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ชื่อว่า “MOBILIX” ซึ่งย่อมาจาก Mobility & Logistics เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การขนส่งพลังงานสะอาดอย่างครบวงจร
แพลตฟอร์ม MOBILIX ทำหน้าที่บริหารจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่าน 1 แพลตฟอร์ม 3 โมดูลหลัก และ 6 ฟีเจอร์สำคัญ อาทิ การวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทาง (Route Optimization), การตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่และระบบแจ้งเตือนเพื่อซ่อมบำรุงล่วงหน้า (Battery Intelligence & Predictive Maintenance), การค้นหา-จอง-ชำระค่าบริการสถานีชาร์จอัตโนมัติ (Automated Charging), รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับคนขับและการควบคุมการจัดส่งสินค้าแบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ MOBILIX ยังเชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่การบริหารจัดการฟลีทรถในคลังสินค้า ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าให้ผู้ใช้ปลายทาง พร้อมแผงควบคุมแสดงผล (Dashboard) เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ประกอบการ โลจิสติกส์สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน “เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของทั้งผู้ประกอบการและผู้ขับขี่” คุณจรีพรอธิบาย
ดังนั้น เพื่อรองรับรถขนส่งไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคล WHA Group ได้พัฒนาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charging Station) แบบ Super Fast Charge ของตนเอง เนื่องจากเครื่องชาร์จทั่วไปไม่สามารถรองรับการชาร์จรถขนส่งขนาดใหญ่ได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม และอาจต้องใช้เวลาชาร์จนานถึงหนึ่งวัน
เธอเอ่ยว่า การพัฒนาระบบนี้ช่วยลดต้นทุนให้กับลูกค้าได้อย่างมาก เนื่องจากค่าไฟฟ้าถูกกว่าค่าน้ำมันมาก นอกจากนี้ การใช้รถ EV ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างโอกาสในการได้คาร์บอนเครดิต ซึ่งตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมได้ครบถ้วน
“ตอนที่พูดถึงการทำธุรกิจ EV หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า WHA จะเข้าไปผลิตรถยนต์ แต่ความจริงแล้ว WHA ไม่มีนโยบายผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากมีการแข่งขันสูง และลูกค้าของบริษัทหลายรายก็อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การนำเข้ารถยนต์จากจีนจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม แผนในระยะถัดไป คือการขยายไปยังส่วนของแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นการ Repurpose แบตเตอรี่ (นำกลับมาใช้ใหม่) การ Swapping แบตเตอรี่ (เปลี่ยนแบตเตอรี่) หรือการ Recycle แบตเตอรี่ ซึ่งเมื่อแบตเตอรี่รถยนต์มีประสิทธิภาพลดลงจนไม่เหมาะกับการใช้งานในรถยนต์ ก็สามารถนำไปใช้เป็น Fixed Storage สำหรับระบบโซลาร์ได้
“เห็นได้ว่าทุกส่วนของธุรกิจเชื่อมโยงกันเป็น Ecosystem ขนาดใหญ่ที่ WHA สร้างขึ้นมา และพร้อมที่จะขยายงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ภายใต้การนำของคุณจรีพร WHA ได้พัฒนาระบบต่าง ๆ เข้ามาช่วยปรับปรุงการให้บริการลูกค้า การจัดการข้อมูล และการตัดสินใจทางธุรกิจ โดยการลงทุนในเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังทำให้ WHA สามารถให้บริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น จนส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ WHA Group ครึ่งปีแรกดีขึ้น ซึ่งสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบัน
“กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ยังเป็นแรงผลักดันการเติบโตที่สำคัญในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ทำให้เกิดการย้ายฐานการลงทุนจากจีนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเราคาดการณ์แนวโน้มนี้และวางตำแหน่งตัวเองอย่างมีกลยุทธ์ สะท้อนให้เห็นผ่านผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ โดยยอดขายที่ดินในประเทศไทยสูงกว่าเป้าหมายในไตรมาสที่ 1 ซึ่งปัจจุบันขายได้มากกว่า 800 ไร่ ทำให้คาดว่าจะขายได้มากกว่า 2,000 ไร่ภายในสิ้นปีนี้ สำหรับในประเทศไทย ในขณะที่
ผลประกอบการในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม ประเทศเวียดนาม น่าจะมีผลงานที่ดีเช่นกัน
สำหรับกลุ่มโลจิสติกส์ ยังคงดำเนินงานได้อย่างแข็งแกร่ง โดยได้เซ็นสัญญา Build-to-Suit ระยะยาวมูลค่า 1.6 พันล้านบาท ในครึ่งปีแรก ซึ่งตอกย้ำถึงมูลค่าที่สำคัญของภาคส่วนนี้ที่นอกเหนือจากการขายที่ดิน ขณะที่ภาคส่วนสาธารณูปโภคและพลังงาน พร้อมสำหรับการเติบโตที่สำคัญเช่นกัน และส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจาก Data Centers แห่งใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น โดยมีความต้องการน้ำและพลังงานจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มเติม 300-400 ล้านบาทในปีนี้ จากบริการจัดการน้ำภายใต้ข้อตกลงพิเศษกับลูกค้า (Exclusive Charge) ที่ต่อยอดเป็นแหล่งรายได้ประจำระยะยาวของธุรกิจสาธารณูปโภค”
แม้ในปีนี้ หลายฝ่ายอาจกังวลว่า ความผันผวนทางการเมืองจะเป็นชนวนสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตเศรษฐกิจ แต่คุณจรีพร ยืนยันว่าความมั่นคงของภาคธุรกิจไทยยังคงแข็งแรง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ
“ประเทศไทย ยังเป็น Safe Zone สำหรับการลงทุน ที่สำคัญคือ ภาคเอกชนไทยมีความแข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่อาจต้องรอให้ภาครัฐเป็นผู้นำ แต่สำหรับประเทศไทย ภาคเอกชนสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยตัวเอง แม้ปัญหาทางการเมืองจะเกิดขึ้นมา แต่ภาคเอกชนก็ยังคงนิ่งและสามารถเติบโตต่อไปได้”
จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น จากการทำงานหนัก การมองการณ์ไกล และไม่หยุดที่จะเรียนรู้ของคุณจรีพร ซึ่งเธอเป็นตัวแทนของผู้นำหญิง ที่มีแนวคิดในการบริหารงาน ที่เรียกว่า “3 Think” ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่เธอใช้ในการขับเคลื่อน WHA ให้ประสบความสำเร็จ คือ
Think Big (คิดใหญ่) คือ การมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและกล้าที่จะฝันใหญ่ โดยเธอไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ในกรอบของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมดั้งเดิม แต่มองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง การคิดใหญ่นี้ทำให้ WHA สามารถเติบโตจากบริษัทเล็ก ๆ มาเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท
Think Future (คิดถึงอนาคต) คือ การมองการณ์ไกลและการเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งเธอเข้าใจดีว่า โลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น องค์กรที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ต้องสามารถปรับตัวและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต หรือการลงทุนในเทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากร เป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญเพื่อให้องค์กรพร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคต
Think Beyond Yourself (อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง) คือ การมองเห็นภาพใหญ่และการคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น หรือสังคมโดยรวม ซึ่งการคิดแบบนี้ทำให้ WHA สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่ายและได้รับความไว้วางใจจากตลาด
และวลีที่ว่า “เมื่อใดที่เห็น Logo WHA ที่นั่นต้องเจริญ” ได้ถูกขยายความจากคุณจรีพร เพิ่มเติมว่า ทุกธุรกิจ ที่เราไปลงทุน เราจะส่งมอบคุณค่า ประกอบด้วย W คือ Wellbeing (การมุ่งสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน) H คือ Human Progress (การพัฒนาในทุกภาคส่วนของสังคมให้มีความก้าวหน้า) และ A คือ Accessibility (สร้างโอกาสในการเข้าถึงปัจจัยและคุณภาพชีวิตที่ดี) ซึ่งเราแสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างโอกาส การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเข้าถึงสิ่งดี ๆ ให้แก่ผู้คนในทุกมิติ ในทุก ๆ พื้นที่
เช่นเดียวกับพันธกิจขององค์กรที่ว่า WHA: WE SHAPE THE FUTURE ได้ตอกย้ำถึงแนวทางเชิงรุกในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนกว่าเดิม ซึ่งเราไม่ได้หมายถึงเพียงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หากแต่เป็นการอยู่ร่วมกัน เพื่อออกแบบอนาคตที่ดีกว่าให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า ชุมชน หรือแม้กระทั่งสิ่งแวดล้อมเอง
“เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเข้าถึงความเจริญและความยั่งยืนในชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นอย่างแท้จริง เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างงาน ด้วยการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เราก่อให้เกิดการพัฒนา การสร้างงาน การจ้างงาน และการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งล้วนส่งผลให้เกิด “ความก้าวหน้าของมนุษย์” และไม่ใช่เพียงแค่บุคลากรของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนในทุกชุมชนที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง
ทุกคนควรได้รับโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตและเข้าถึงสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต นี่คือสิ่งที่อยู่ในความคิดของเราตลอดมา และทุกสิ่งที่ WHA ดำเนินการล้วนมุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) เพราะเราเชื่อมั่นว่า นี่คือหนทางที่จะส่งต่อโลกที่ดีและสะอาดให้กับคนรุ่นหลังได้” คุณจรีพร กล่าวทิ้งท้าย
เขียนและเรียบเรียง : ยุพาพร คุณานันท์
ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.th/
Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business