รู้จัก CIT ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม InsurTech ไทย สู่มาตรฐานสากล ของ สำนักงาน คปภ.

หากให้นึกถึงธุรกิจที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน หลายคนก็น่าจะนึกถึง ธุรกิจประกันภัย ที่มีจุดกำเนิดเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจทั่วโลก ทางธุรกิจประกันภัยก็ต้องปรับตัวจนทำให้ธุรกิจอันเก่าแก่นี้ได้เปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่คาดว่าจะเข้ามายกระดับวงการประกันภัยก็อย่างเช่น การนำ Agentic AI เข้ามาปรับใช้กับกระบวนการต่าง ๆ โดย Agentic AI เป็นระบบที่ฉลาดกว่า AI ในยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลที่มีในการตัดสินใจและลงมือทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ ด้วยตัวเอง ส่งผลให้กระบวนการต่าง ๆ ของธุรกิจรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้นอย่างมาก

ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้ จึงทำให้มีบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีประกันภัยเกิดขึ้นมามากมาย จนเกิดตลาดใหม่ชื่อ InsurTech ที่เป็นการรวม Insurance ที่แปลว่าประกันภัย เข้ากับ Technology หรือเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เป็นธุรกิจประกันภัยที่นำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อน

ที่ผ่านมา ตลาด InsurTech ทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องและมีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่ามากถึง 3.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2032 ส่วนบริษัทด้าน InsurTech ที่มีชื่อเสียงก็ได้แก่

– Lemonade ที่นำ AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อเสนอราคาค่าเบี้ยประกันและจ่ายเงินเคลมประกันของลูกค้า

– Root Insurance บริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ใช้ข้อมูลจากการขับรถจริงของคนขับมาวิเคราะห์เบี้ยประกัน

– Vouch ที่เจาะลูกค้ากลุ่มสตาร์ตอัป โดยการนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูล หาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ที่สุด

ด้านไทยเองก็ตระหนักถึงความสำคัญของตลาดดังกล่าว โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ. หรือ OIC) ได้เข้ามามีบทบาทในการบูรณาการอุตสาหกรรมประกันภัยให้แข็งแกร่ง ผ่านการจัดตั้งศูนย์ Center of InsurTech, Thailand (CIT) ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการพัฒนาส่งเสริมองค์ความรู้และการประยุกต์ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการประกันภัยภายใต้ภารกิจหลัก 4 ข้อ

– ส่งเสริมให้มีการวิจัยและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีประกันภัย

– ให้คำปรึกษาและสนับสนุนสตาร์ตอัป InsurTech ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและผู้บริโภค

– ส่งเสริมการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีประกันภัยในอุตสาหกรรมประกันภัย

– สร้างเครือข่ายและเป็นเวทีระดมความคิดเห็นระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา

โดยที่ผ่านมา CIT ได้ดำเนินการส่งเสริมและผลักดันธุรกิจประกันภัยให้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง ผ่านสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่าง สำนักงาน คปภ. บริษัทประกันภัย สตาร์ตอัป และประชาชน รวมไปถึงการจัดงาน InsurTech Bootcamp และ OIC InsurTech Award เพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลรุ่นใหม่ อีกทั้งยังเปิดเวทีระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล, กลุ่มธุรกิจประกันภัย และกลุ่มผู้ประกอบการ InsurTech

ขณะเดียวกันก็ช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยไทย ผ่านโครงการ OIC Gateway ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกลางที่ใช้เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างอุตสาหกรรมประกันภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้ชื่อ “คปภ. รอบรู้ หรือ @OICConnect” ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เช่น บริการตอบคำถามเกี่ยวกับประกันภัยด้วยแชตบอตบริการ “กรมธรรม์ของฉัน” หรือ MyPolicy และมี Line Official @oicconnect  ที่ให้ประชาชนสามารถเช็กความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ตั้งเป้าหมายให้ CIT มีบทบาทในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านการประกันภัยให้มากขึ้น โดยยกระดับ CIT เป็นกลุ่มงานภายใต้สายสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ซึ่งมีแนวทางการดำเนินงานสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่

  • การเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และพัฒนาบุคลากร (OIC Academy & Learning Center) ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพสำหรับผู้กำกับดูแล บุคลากรในอุตสาหกรรมประกันภัย บริษัท Startup และผู้สนใจทั่วไป พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในและต่างประเทศ
  • การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (OIC Research & Development) ด้านการประกันภัยและผลักดันงานวิจัยและการวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัย พัฒนาฐานข้อมูลที่ทันสมัย และเผยแพร่ผลงานวิชาการที่ครอบคลุม เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
  • การส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี (OIC Innovation Center) โดยมี CIT ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการประกันภัย และสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ในการสร้างสรรค์และประยุกต์ใช้นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัย

ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. คาดหวังว่าแนวทางการดำเนินงานดังกล่าว จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนา InsurTech ของไทย สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโต และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Insurance Community ที่เชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือได้อย่างครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ