ลาร์ส ไฮบุทสกี้ “ผู้นำ” แห่งการเปลี่ยนผ่าน สู่ความเติบโตอย่างรวดเร็วของ “อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย”
ในโลกของธุรกิจประกันภัยที่มีการแข่งขันสูงและเต็มไปด้วยความท้าทาย การเติบโตด้านยอดขายเพียงมิติเดียว ไม่สามารถชี้ชัดถึงผลลัพธ์ของความสำเร็จองค์กรได้อีกต่อไป บนความคาดหวังของลูกค้าต้องพิสูจน์ให้ได้ถึง “ความเข้าใจตลาด ความกล้าในการเปลี่ยนแปลง และความสามารถในการบริหารความซับซ้อน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่างหาก จึงจะการันตีถึงความสำเร็จนั้นได้
และสิ่งที่ “อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย” ภายใต้การนำของ ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน มีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจประกันวินาศภัยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทคว้ารางวัล Fast-Growing Company Award ในงาน Thailand Top Company Awards 2025 มาครองได้อย่างสง่างาม
เบื้องหลังรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องตัวเลข แต่คือ วิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และการดำเนินงานที่มีเป้าหมายชัดเจนว่า “อลิอันซ์ อยุธยา ต้องเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าและสังคมไทยอย่างยั่งยืน”
การขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน
คุณลาร์ส วางเป้าหมายให้อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย เป็นมากกว่าบริษัทประกันภัยทั่วไป ซึ่งนำไปสู่การพัฒนากลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างรวดเร็วผ่าน 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
1. สร้างการเติบโตทุกช่องทาง ผ่านการบริหารพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่สมดุล ครอบคลุมทั้งประกันรถยนต์ ประกันวินาศภัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ โดยจะเน้นไปที่สุขภาพ การคุ้มครองความเสี่ยงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) และการคุ้มครองบ้านและทรัพย์สินอื่น ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง พร้อมเพิ่มโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจรายย่อยและองค์กร
นอกจากนั้น ยังมีแผนเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่าย โดยมุ่งเน้นเสริมศักยภาพของทั้งโบรกเกอร์และตัวแทนประกันรถยนต์เดิม ให้มีความสามารถแนะนำประกันภัยชนิดอื่น ๆ ให้กับลูกค้าได้ด้วย เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อีกกลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การขยายธุรกิจประกันเชิงพาณิชย์ Allianz Commercial ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้บริการประกันภัยที่ครอบคลุมสำหรับภาคธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สิน วิศวกรรม การขนส่ง และความรับผิดชอบทางกฎหมาย ซึ่งลูกค้า มองหาบริษัทประกันที่มีความมั่นคง แข็งแกร่ง พร้อมรับประกันโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยเอง ได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่ระดับ A- (ยอดเยี่ยม) โดย AM Best ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดอันดับเครดิตระดับโลก
ในปี 2567 ที่ผ่านมา สามารถเติบโตเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ถึงกว่า 7% ซึ่งสูงกว่าตลาดที่เติบโตเพียงประมาณ 0.5%
2. บริการที่เป็นเลิศสำหรับลูกค้า โดยมีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนยีต่าง ๆ เพื่อส่งมอบบริการที่เหนือความคาดหมายต่าง ๆ เช่น การเคลม รวมทั้งการนำเอา AI มาใช้ในการพิจารณาการเคลม การสำรวจภัย รวมถึงบริการพิเศษ เช่น การยกรถฟรี ให้กับลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่อุทกภัย รวมทั้งเทคโนโลยีที่ทำให้การทำงานระหว่างบริษัทและพาร์ตเนอร์ สะดวกสบายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
3. พัฒนาทักษะและ Skills ของพนักงานบริษัท เพื่อให้พร้อมต่อการเติบโตในอนาคต ทั้งเรื่องของ Data / AI และร่วมทั้งการทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อสร้างความสำเร็จ โดย อลิอันซ์ อยุธยา ได้รับการรับรองว่า เป็น Great Place To Work หรือบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด
ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้ ประกอบกับความมั่นคงแข็งแกร่งของกลุ่มอลิอันซ์ ซึ่งเป็นแบรนด์ประกันอันดับ 1 ของโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้า ถือเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จที่ทำให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้
การเติบโตที่สะท้อนความสำเร็จ
ด้วยแนวทางที่ชัดเจน จาก 3 กลยุทธ์หลักดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี “อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย” สามารถสร้างอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดในหลายมิติ เช่น ส่วนแบ่งการตลาดที่ไต่อันดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ, อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรวม สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง, การขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าถึงผ่านช่องทางดิจิทัล, อัตราความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction Score) และอัตราการต่ออายุกรมธรรม์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งหมดยืนยันถึงวิสัยทัศน์ของลาร์ส ที่ไม่ได้มุ่งเติบโตเพียงชั่วคราว แต่เน้นการสร้างรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืน
สิ่งที่เราเรียนรู้จากคำตอบจาก คือ ลาร์ส ไฮบุทสกี้ คือ เขาเป็นผู้นำที่สร้างวัฒนธรรมการเติบโต ทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างแท้จริง และเราก็ถามเขาว่า ความท้าทายของอุตสาหกรรมในยุคที่ธุรกิจต่าง ๆ ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย” มองอย่างไร และจะมีวิธีบริหารอย่างไร
“ธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินไหว ทั้งนี้ เหตุการณ์เหล่านี้ช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ของผู้บริโภคและบริษัทต่าง ๆ เกี่ยวกับความจำเป็นของประกันภัยและการมีการคุ้มครองที่เพียงพอ
ทั้งนี้ อลิอันซ์ อยุธยา เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ในการดูแลลูกค้าให้ข้ามผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปด้วยกัน ทั้งในแง่ของความรวดเร็วของทีมรับแจ้งเคลม โดยเราได้จัดทำฮอตไลน์พิเศษเพื่อรองรับการแจ้งเคลมจากเหตุแผ่นดินไหว และบริการอื่น ๆ เช่น บริการยกรถหนีน้ำท่วม และบริการช่วยจัดหาผู้รับเหมาสำหรับลูกค้าประกันบ้านและทรัพย์สิน และในขณะเดียวกันการบริหารความเสี่ยงและควบคุมต้นทุนก็กลายเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับต้นทุนค่ารักษาพยาบาลที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความเสี่ยงใหม่ ๆ เช่น โรคอุบัติใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญของอุตสาหกรรมนี้
ทั้งนี้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จะยังคงมุ่งมั่นในการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการแก่ลูกค้า ให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาดในปัจจุบัน” ลาร์ส กล่าวทิ้งท้าย