The Success Story of The Month By ‘Business+’ ฉบับเดือนธันวาคม 2567 จะพาผู้อ่านมาพบกับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจากคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานคณะกรรมการ Brighton College Bangkok ซึ่งจะมาพูดคุยถึงเรื่องราวของสถานศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เปิดสอนมายาวนานกว่า 170 ปี “Brighton College” จากประเทศอังกฤษ มาเปิดสอนในประเทศไทย
เบื้องหลังการปรับโฉมครั้งสำคัญ Brighton College Bangkok Vibhavadi นอกจากจะเป็นก้าวสำคัญอีกครั้งของคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานคณะกรรมการ Brighton College Bangkok ผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจและการศึกษา ที่มีประสบการณ์ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และเป็นนักลงทุนด้านการศึกษามาอย่างยาวนาน ก็ต้องบอกว่า ยังจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของ Brighton College ด้วยเช่นกัน นั่นเพราะว่า แม้ภาพรวมของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ จะมีแนวโน้มเติบโตได้ดี แต่ทว่าการแข่งขันในธุรกิจนี้ก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ทั้งจากการขยายตัวของโรงเรียนนานาชาติที่เพิ่มขึ้น รวมถึงคู่แข่งทางอ้อมจากโรงเรียนไทยที่พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน 2-3 ภาษาขึ้นมารองรับ และขณะเดียวกันยังมีความท้าทายในด้านจำนวนนักเรียนที่อาจขยายตัวได้ช้า อันเนื่องมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากเจาะลึกในรายละเอียดของ Brighton College Bangkok สาขาวิภาวดี Business Plus พบว่า ทั้งคุณนุสราและผู้บริหารจาก Brighton College ประเทศอังกฤษ เตรียมจะผสมผสานนำการเรียนการสอนของ 2 วัฒนธรรมมาปรับใช้ ภายใต้แนวคิด The Best of Both Worlds โดยมีเป้าหมายให้นักเรียนทุกคนของ Brighton College Bangkok Vibhavadi เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด หรือ Be the Best Version of Themselves เพื่อให้เป็นสถานศึกษาสมบูรณ์แบบที่ดีในศตวรรษที่ 21 สำหรับเยาวชนทุกคน
Business Plus สัมภาษณ์พิเศษ ผู้บริหารหญิงคนเก่ง ‘นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์’ ประธานกรรมการ Brighton College Bangkok Vibhavadi ถึงเรื่องราวของสถานศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เปิดสอนมายาวนานกว่า 170 ปี “Brighton College” จากประเทศอังกฤษ มาเปิดสอนในประเทศไทย
ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย “ความรู้และการศึกษา” นับเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตคนเราอย่างมาก และยากจะปฏิเสธได้ว่า ประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่จะมีระบบการศึกษาที่ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ และยังรวมไปถึงพัฒนาศักยภาพส่วนตัวของเด็กในวัยเรียนด้วย
แน่นอนว่า ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียนย่อมต้องการแหล่ง “เพาะบ่ม” ด้านการศึกษาที่ดีและมีคุณภาพ และโรงเรียนนานาชาติก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ปกครองกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ส่งบุตรหลานเข้าไปศึกษาเล่าเรียน และด้วยเหตุผลที่ต้องการพัฒนาทักษะต่าง ๆ โดยเฉพาะความสามารถทางด้านภาษา อีกทั้งยังเชื่อมั่นในคุณภาพการศึกษาของประเทศเจ้าของหลักสูตร ซึ่งส่วนมากมีมาตรฐานสูง ทั้งด้านวิชาการ กิจกรรมเสริมทักษะอื่น ๆ และสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการปูพื้นฐานสำหรับเด็กที่ผู้ปกครองมีแผนจะส่งไปเรียนต่อในต่างประเทศด้วย ซึ่งการเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติในประเทศ แทนการส่งไปเรียนในต่างประเทศนั้น ยังสามารถช่วยให้ผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถดูแลบุตรหลานได้อย่างใกล้ชิด โดยยังคงได้รับมาตรฐานการศึกษาเทียบเท่ากับโรงเรียนในต่างประเทศอีกด้วย
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงทำให้ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าในปี 2567 มูลค่าตลาดโรงเรียนนานาชาติไทยจะเติบโตราว 13% จากปี 2566 ด้วยมูลค่า 8.7 หมื่นล้านบาท จากจำนวนโรงเรียนนานาชาติที่มีอยู่ทั้งสิ้น 249 แห่ง
แน่นอนว่า การเติบโตของมูลค่าตลาดโรงเรียนนานาชาติในปี 2567 มาจากแรงหนุนของความนิยมที่เพิ่มขึ้นในหลักสูตรนานาชาติและการขยายสู่ตลาดใหม่ ๆ ส่งผลให้จำนวนนักเรียนขยายตัวสูงถึง 10.2% จากปีก่อนหน้า อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการปรับค่าเล่าเรียนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.8% จากปีการศึกษา 2566
ทั้งนี้ นอกจากผู้ปกครองคนไทยที่ส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังพบว่าในส่วนของการเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติจากฝั่งผู้ปกครองที่เป็นชาวต่างชาตินั้นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติสัญชาติจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย รวมถึงชาวต่างชาติจากประเทศต่าง ๆ ที่เข้ามาปฏิบัติงานด้านการทูต
ไม่เพียงเท่านั้น ยังพบว่า ชาวจีนมีแนวโน้มส่งบุตรหลานไปเรียนโรงเรียนนานาชาติในต่างประเทศมากขึ้น โดยโรงเรียนนานาชาติในไทยเป็นจุดหมายสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ผู้ปกครองชาวจีนเลือก ประกอบกับยังมีผู้ปกครองชาว CLMV ที่มีฐานะดี ก็มีแนวโน้มส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนโรงเรียนนานาชาติในไทยด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก และยังสามารถเดินทางไปมาระหว่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าธุรกิจโรงเรียนนานาชาติจะมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ทว่าการแข่งขันในธุรกิจนี้ก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งจากการขยายตัวของโรงเรียนนานาชาติที่เพิ่มขึ้น รวมถึงคู่แข่งทางอ้อมจากโรงเรียนไทยที่พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนสองภาษา หรือหลักสูตรภาษาอังกฤษมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีความท้าทายในด้านจำนวนนักเรียนที่อาจขยายตัวได้ช้า อันเนื่องมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงอีกด้วย
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ฝั่งผู้ประกอบการหรือเจ้าของโรงเรียนนานาชาติ ต้องปรับตัวเพื่อรับมือการแข่งขันด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาคุณภาพ สถานที่ การสร้างความแตกต่าง รวมไปถึงการเลือกพันธมิตรเจ้าของหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดให้ผู้ปกครองพิจารณาเลือกเป็นโรงเรียนให้บุตรหลาน และหากย้อนกลับไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2538 ในสมัยที่ท่านอนันต์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นถึงการเพิ่มศักยภาพทางการศึกษาของประเทศไทย โดยได้เปิดให้เอกชนสามารถจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และนโยบายดังกล่าวได้สอดคล้องกับแนวคิดของ “กฤษณ์ อัสสกุล” ผู้ก่อตั้ง St. Stephen’s International School และอดีตประธาน บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด ต้องการสร้างโรงเรียนนานาชาติที่มีระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เพื่อวางรากฐานการศึกษาให้กับเด็กไทยก่อนจะไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ในระดับที่สูงขึ้น โดยอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบผสมผสานของการศึกษาแบบตะวันออกและตะวันตก (East Meets West) จึงได้เริ่มก่อตั้ง St. Stephen’s International School เขาใหญ่ โดยใช้หลักสูตรการเรียนการสอนจากประเทศอังกฤษ English National Curriculum (ENC) มีนักเรียนทั้งโปรแกรมอยู่ประจำและไป-กลับ
“ในอดีตโรงเรียนนานาชาติจะมีไว้สําหรับรองรับบุตรหลานของชาวต่างชาติที่มาทํางานในไทย หรือผู้มาปฏิบัติภารกิจด้านการทูตที่ต้องอยู่ในประเทศไทยนานหลายปี ซึ่งท่านนายกฯ อนันต์ ท่านมีวิสัยทัศน์ว่า “ทําไมเราไม่เปิดให้การศึกษาพัฒนาไปเป็นโรงเรียนนานาชาติ เพื่อเพิ่มคุณภาพทางการศึกษาให้ดีขึ้น และเมื่อมีโอกาสนั้น ทางคุณพ่อ (กฤษณ์ อัสสกุล) จึงเปิดบริษัทชื่อว่า แฮนส์ แมนเนจเม้นท์ เพื่อบริหาร St. Stephen’s International School เขาใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติแบบประจําแห่งแรกในประเทศไทย และหลังจากนั้นอีก 3 ปี ได้เปิด St. Stephen’s International School แห่งที่สอง ที่วิภาวดี กรุงเทพฯ ตามความต้องการของผู้ปกครองที่อยากให้มีโรงเรียนแบบไป-กลับ สามารถรับ-ส่งบุตรหลานได้สะดวก” คุณนุสรา บอกถึงที่มาของ St. Stephen’s International School ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง
ทุ่ม 1,400 ล้าน เปลี่ยนผ่าน ‘St.Stephen’s’ สู่ ‘Brighton College’
คุณนุสรา กล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี St. Stephen’s International School ทั้ง 2 แห่ง มีการเติบโตอย่างมั่นคงและได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอยู่ตลอดเวลา โดยมีเป้าหมายเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุดในประเทศไทย
พร้อมกับพัฒนาให้เด็กนักเรียนเติบโตขึ้นเป็นผู้นําที่ดีในอนาคต ซึ่งเป็นผู้นําที่ดีนั้นคุณกฤษณ์ ได้นิยามว่า “ต้องมีความมั่นใจสามารถพูดได้หลายภาษา ทั้งภาษาแม่ของตัวเอง เช่น ภาษาไทย ต้องสามารถสื่อสารพูดจาได้คล่องแคล่ว มีความมั่นใจในภาษาที่ 2 ที่คนพูดกันมากในโลกก็คือภาษาอังกฤษ และภาษาที่ 3 ก็คือภาษาแมนดาริน หรือภาษาจีนกลาง ซึ่งทางโรงเรียนฯ ได้ปลูกฝังให้เด็กเรียนมาเกือบ 30 ปีแล้ว ทั้งที่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ประเทศจีนยังไม่ได้เติบโตขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่นั่นคือวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลของคุณกฤษณ์ ที่มองว่าภาษาจีนจะมีประโยชน์อย่างมากในอนาคต เพราะประชากรจีนมีมากที่สุดในโลกนั่นเอง”
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงยุคที่ต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อยกระดับ St. Stephen’s International School ให้สูงขึ้น คุณนุสรา พร้อมทั้งคณะผู้บริหาร จึงได้ตัดสินใจทุ่มงบลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมครั้งใหญ่สู่ Brighton College Bangkok Vibhavadi เพราะเล็งเห็นว่า Brighton College เป็นโรงเรียนชั้นนำที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการการศึกษาคุณภาพสูงที่ผสมผสานข้อดีของตะวันตกและตะวันออกไว้ด้วยกัน
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ แฮนส์ แมนเนจเม้นท์ ได้นำหลักสูตร Brighton College มาเปิดดำเนินการภายใต้ชื่อ Brighton College Bangkok บนถนนกรุงเทพกรีฑา ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติ มอบประสบการณ์การเรียนระดับพรีเมียม โดยเน้นการสอนระบบอังกฤษด้วยมาตรฐานระดับสากล และตลอดระยะเวลาเกือบทศวรรษที่ผ่านมาก็ได้รับการยอมรับจากผู้ปกครองนำบุตรหลานมาเข้าเรียนจำนวนมาก และมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในโซนกรุงเทพชั้นในและโซนทางเหนือ ต้องการหาสถานที่เรียนให้บุตรหลานของตัวเองเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการปรับโฉม St. Stephen’s International School ในครั้งนี้
คุณนุสรา ได้ให้เหตุผลถึงการเลือก Brighton College จากประเทศอังกฤษ เข้ามาสู่ประเทศไทย ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะเชื่อมั่นในแนวคิด “The Best of Both Worlds” มุ่งเน้นการผสมผสานจุดแข็งของระบบการศึกษาตะวันตกและวัฒนธรรมตะวันออก ซึ่งทาง Brighton College Bangkok จึงวางรากฐานจากหลักสูตรการเรียนการสอนระดับสูงของอังกฤษ และปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยยังคงเคารพในวัฒนธรรม ความอ่อนน้อมถ่อมตน และการเอื้ออาทรต่อผู้อื่น ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเป็นพลเมืองโลก
“ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกนำแบรนด์หรือหลักสูตร Brighton College นั้น เราได้เฟ้นหาโรงเรียนเอกชนที่อยู่ในระดับท็อปที่ดีที่สุดของประเทศอังกฤษ จากนั้นก็เดินทางไปเยี่ยมชมการเรียนการสอน จนกระทั่งได้พบกับผู้บริหาร Brighton College จนได้พูดคุยกับคุณ Richard Cairns ครูใหญ่ของ ไบรท์ตัน คอลเลจ กรุ๊ป ทำให้เห็นถึงแนวคิดการพัฒนาการศึกษาที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเรา คือ เน้นให้เด็กนักเรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สนับสนุนให้เด็กกล้าแสดงออก และเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ
ที่สำคัญยังคงไว้ซึ่งรากฐานทางวัฒนธรรมระหว่างตะวันตกและตะวันออก เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราเห็นพ้องต้องกัน ซึ่งทาง Brighton College เอง ก็เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จในการบริหารงานตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี จึงได้ตอบรับเป็นพันธมิตรกันมายาวนานเกือบ 10 ปี” คุณนุสรา กล่าว
การันตีคุณภาพด้วยรางวัล “โรงเรียนแห่งทศวรรษ”
คุณนุสรา ได้ฉายภาพแห่งความสำเร็จของ Brighton College Bangkok แคมปัสสาขากรุงเทพกรีฑา ซึ่งเปิดดำเนินการมาเกือบ 10 ปี เพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่ Brighton College Bangkok ได้สร้างเด็กที่ดีและเก่งไปแล้วหลายรุ่น โดยสิ่งที่มั่นใจได้นั่นก็คือ “การผลักดันให้เด็กได้ทำอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่ใช่แค่ Good Version แต่เป็น Best Version สำหรับเด็กคนนั้น ๆ โดยทางโรงเรียนจะเน้นใน 3 เรื่องหลัก นั่นคือ Curiosity คือ การใฝ่รู้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการหาความรู้ ตามมาด้วย Confidence หรือการสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก ๆ และ Culture of Kindness หรือความมีน้ำใจ ปลูกฝังในเรื่องความเอื้อเฟื้อและการช่วยเหลือผู้อื่น”
3 เรื่องหลักนี้ คุณนุสรา มองว่า เป็นหัวใจของการเตรียมตัวนักเรียนให้พร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งได้ทำไปพร้อมกับการพัฒนาทักษะสำคัญ เช่น Critical Thinking และ Logical Thinking ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านการสื่อสารและเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในสังคมโลกที่นับวันจะแข่งขันสูงและความมุ่งมั่นพัฒนาการเรียนการสอนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักเรียนที่ Brighton College Bangkok นั้น มีผลการเรียนในระดับ A Level ที่ยอดเยี่ยม โดยมีค่าเฉลี่ยสี่ปีมากกว่า 70% ที่ได้เกรด A*-A เกรด A Level ในส่วนของปีล่าสุดนักเรียนได้ (87% A*-A) ถือเป็นผลการเรียนที่ดีที่สุดในบรรดาโรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษทั่วโลก ทำให้ St. Stephen’s International School มีผลการเรียนสูงที่อยู่ในระดับ 20 อันดับแรกของโรงเรียนในสหราชอาณาจักร ซึ่งส่งผลให้ Brighton College Bangkok ได้รับรางวัลที่ทรงเกียรติระดับโลกด้านการศึกษานานาชาติ โดยได้รับการยกย่องให้เป็น British International School of the Year ในงานประกาศรางวัล Independent Schools of the Year Awards 2024
ไม่เพียงเท่านั้นทาง Brighton College UK ยังได้รับรางวัล “โรงเรียนแห่งทศวรรษ” อีกด้วย ซึ่งรางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและมาตรฐานของทางโรงเรียนได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน นักเรียนของทั้งสองประเทศ ยังสามารถเข้าเรียนต่อได้ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกทั้ง Cambridge และ Ivy League รวมถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยได้เป็นจำนวนมากอีกด้วยเช่นกัน
สานต่อความสำเร็จจาก Brighton College Bangkok สู่ Brighton College Vibhavadi
แน่นอนว่า Brighton College Bangkok Vibhavadi จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ แฮนส์ แมนเนจเม้นท์ ภายใต้การนำทัพของคุณนุสราที่ได้ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการสร้างอาคารเรียนใหม่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ซึ่งเน้นออกแบบให้ตอบโจทย์การเรียนการสอนยุคใหม่ที่ทันสมัย ทั้งการจัดเตรียมพื้นที่ที่เอื้อต่อการเรียนรู้แบบบูรณาการ เช่น ศูนย์การเรียนรู้ด้านศิลปะ การแสดง กีฬา STEM และพื้นที่สำหรับการเรียนรู้เชิงปฏิบัติในรูปแบบต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางรองรับการเติบโตของนักเรียน โดยคำนึงถึงความสะดวกในการเดินทางในกรุงเทพฯ และเขตใกล้เคียง เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูงได้อย่างสะดวก
ในด้านกลยุทธ์การสอน Brighton College Bangkok Vibhavadi คุณนุสรา เล่าว่า ทางโรงเรียนยังคงใช้วิธีการสอนแบบ “Inspirational Teaching” ซึ่งครูผู้สอนเน้นการกระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจและอยากเรียนรู้ ครูที่มีความรู้ลึกในสาขาต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ จะได้รับการฝึกให้สอนโดยผสมผสานการคิดอย่างสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ โรงเรียนยังนำธีมที่นักเรียนสนใจมาใช้เป็นตัวกระตุ้นการเรียนรู้ ผ่านการเชื่อมโยงเนื้อหาจากหลายวิชาเข้าด้วยกัน ซึ่งแนวทางการสอนแบบนี้ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และเชื่อมโยงความรู้ระหว่างสาขาวิชาได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้ คุณนุสรา ย้ำว่า การเปลี่ยนผ่านจาก St. Stephen’s International School สู่ Brighton College Bangkok Vibhavadi ถือเป็นการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ในแวดวงการศึกษาไทย โดยการนำโมเดลการศึกษาจาก Brighton College ประเทศอังกฤษ มาปรับใช้ในประเทศไทยในรูปแบบที่ผสมผสานข้อดีของทั้งสองวัฒนธรรมอย่างลงตัว
พร้อมกับเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ Brighton College Bangkok สามารถเติบโตเป็นโรงเรียนนานาชาติชั้นนำในประเทศไทยและเอเชียได้ ที่จะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเด็ก ๆ ให้พร้อมเป็นผู้นำในอนาคต ด้วยแนวคิด Be the Best Version of Themselves (เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด) ได้อย่างแน่นอน
เขียนและเรียบเรียง : สุรชัย บ่อจันทึก
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business #BrightonCollegeBangkok