Trump Risk Index คืออะไร? ทำไมไทยติดอันดับ 2 ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุด!

‘ทรัมป์’ กำลังจะกลับขึ้นนั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีผลทางการในปี 2025 ซึ่งจากนโยบายที่ทรัมป์ได้หาเสียงเอาไว้ชัดเจนเรื่องของการขึ้นภาษีกับประเทศคู่ค้า ทำให้ภายหลังจากการดำรงตำแหน่งจะเกิด Trade War 2.0 ขึ้นแน่นอน ซึ่งมีการประเมินกันว่าผลกระทบการค้าโลกจะรุนแรงมากขึ้น ขณะที่อีกหนึ่งนโยบายที่จะส่งผลกระทบรุนแรงคือการดึงเงินทุนกลับสู่ประเทศ ซึ่งอาจทำให้บริษัทข้ามชาติหลายรายย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ นั่นจึงทำให้นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาประเมินผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์มากมาย

ล่าสุด มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม (ITIF) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในสหรัฐฯ ได้เผยดัชนีใหม่ในชื่อ Trump Risk Index ซึ่งจัดอันดับประเทศพันธมิตรสหรัฐฯ 39 ประเทศตามระดับความเสี่ยงที่ประเทศเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์

ซึ่งการจัดอันดับความเสี่ยงของ Trump Risk Index ถูกประเมินจาก 4 เกณฑ์ด้วยกัน ได้แก่ งบประมาณด้านการป้องกันประเทศ ดุลการค้า นโยบายการค้าและเทคโนโลยีที่ต่อต้านสหรัฐฯ และความเต็มใจในการต่อต้านการครอบงำด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีจากจีน โดย ‘ทรัมป์’ มุ่งเป้าไปที่ประเทศที่ถูกมองว่าอาศัยการลงทุนของสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย อีกทั้งยังใช้ประโยชน์จากตลาดเสรีของสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของตน หรือเข้าข้างจีนเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแทนที่จะยืนหยัดเคียงข้างสหรัฐฯ

ทั้งนี้จากการจัดอันดับดัชนีดังกล่าวพบว่า เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุด (-4.12 คะแนน) ส่วนไทยติดเป็นอันดับ 2 (-3.98 คะแนน) ซึ่งไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ติด 10 อันดับแรก ส่วนอันดับ 3 คือ สโลวีเนีย (-2.48) อันดับ 4 ออสเตรีย (-2.42) และอันดับ 5 แคนาดา (-1.98) โดยคะแนนที่ติดลบแสดงถึงความเสี่ยงในระดับสูง

ขณะที่ 5 ประเทศที่ดูเหมือนจะอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยที่สุด ได้แก่ ลิทัวเนีย (4.22 คะแนน) เอสโตเนีย (3.60) โปแลนด์ (3.56) ลัตเวีย (2.88) และออสเตรเลีย (2.88)

ซึ่ง 5 ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุดตามการจัดอันดับนั้น วิเคราะห์ได้ว่าประเทศเหล่านี้มีงบประมาณด้านการป้องกันประเทศต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับ GDP และประเทศเหล่านี้เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ โดยเฉพาะไทยและเม็กซิโกที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากเป็นพิเศษ โดยที่ผ่านมา ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ประมาณ 2.93 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 ส่วนเม็กซิโกเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากถึง 2.347 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ทั้ง 5 ประเทศแรกที่เสี่ยงสุดยังเป็นประเทศที่ยังไม่ค่อยแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในการเข้าข้างสหรัฐฯ ในการต่อต้านอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนทั้งด้านการทหาร การทูต และเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

ที่มา : IQ

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวกับการค้าโลกได้เพิ่มเติมที่ : https://www.thebusinessplus.com/trade-war/

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus

Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

Youtube :https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829