ผลประกอบการของบริษัทใน SET100 ช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 มีทิศทางที่ค่อนข้างดี โดยมีบริษัทที่ขาดทุนสุทธิเพียง 6 บริษัทเท่านั้น และในช่วงดังกล่าวมีอีก 6 บริษัทที่พลิกเป็นกำไรสุทธิเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
โดย STA มีธุรกิจที่เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ คือการทำสวนยางพาราในประเทศไทย ธุรกิจกลางน้ำ คือการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ ทั้งยางแท่ง (TSR) ยางแผ่นรมควัน (RSS) และน้ำยางข้น (Concentrated Latex) รวมถึงธุรกิจปลายน้ำในการผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยาง และสินค้าสำเร็จรูป อาทิ ท่อไฮดรอลิกแรงดันสูง
ซึ่งผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมาพลิกกำไรสุทธิจากราคาและปริมาณขายยางพาราที่สูงขึ้น โดยเฉพาะยาง EUDR ซึ่งเป็นยางที่ผ่านกฏหมายสินค้าปลอดตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) นั้น สามารถจำหน่ายในโมเดลต้นทุนบวกกำไร (Cost-plus model) ทำให้มีมูลค่าสูงกว่ายางทั่วไป พร้อมทั้งการส่งมอบยาง EUDR เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หนุนให้กำไรของธุรกิจยางธรรมชาติเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ การขายยาง non-EUDR ก็ยังคงทำกำไรได้ ดีจากราคายางในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นใน ธุรกิจยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงที่ 11.8% เพิ่มขึ้น จาก 10.8% และ 8.0% ใน 2Q67 และ 3Q66
ส่วน CPF สามารถพลิกเป็นกำไรสุทธิเพิ่มจากราคาหมูในหลายประเทศมีการปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำในช่วงที่เผชิญกับภาวะหมูล้นตลาดในปีที่ผ่านมา ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ลดลงจากากรบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และระดับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลง
ขณะเดียวกัน BTG สามารถพลิกเป็นกำไรสุทธิ ได้ภายหลังจากรายได้ของกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีนเพิ่มขึ้น ทั้งจากปริมาณการขาย และราคาหมูราคาไก่ฟื้นตัวขึ้นจากความต้องการทั้งในและต่างประเทศ
ด้าน JMART พลิกเป็นกำไรสุทธิหลังจากรายได้รวมเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อนหน้า ขณะเดียวกันบริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้แล้วในช่วงปีที่แล้ว ในไตรมาส 1 และ 2 ปี 2566 มีรายการ ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากสินทรัพย์ทางการเงินอื่น
อันดับต่อมา AAV พลิกกำไรสุทธิหลังจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักประกอบด้วย นักท่องเที่ยวจากจีน (5.3 ล้านคน) มาเลเซีย (3.7 ล้านคน) และยังได้รับอานิสงค์จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของ รัฐบาล อาทิ นโยบายฟรีวีซ่า การเพิ่มโควต้าที่นั่งระหว่างอินเดีย-ไทย และการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ในเมืองรอง โดยการขยายตัวของการท่องเที่ยวดังกล่าวส่งผลให้ บจ. ไทยแอร์เอเชีย ขนส่งผู้โดยสารรวม 15.3 ล้านคน จากปริมาณ ที่นั่งให้บริการรวมทั้งสิ้น 16.8 ล้านที่นั่ง
สุดท้ายบริษัท VGI (งบ 6 เดือน สิ้นสุด 30 ก.ย.67) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิหลังจากรายได้จากการให้บริการและการขายเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจหลักทุกธุรกิจ คือ ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล และธุรกิจจัดจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทร่วมค้า และบริษัทร่วม อย่าง เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
ที่มา : SET
เรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS