6 เทรนด์พลิกโฉมธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรมเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืน

6 เทรนด์พลิกโฉมธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรมเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและซับซ้อนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม โดยเฉพาะหลังการระบาดของ Covid-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจทั่วโลก ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวในปี 2567

โดยบทความนี้จะพูดถึง 6 เทรนด์สำคัญที่กำลังพลิกโฉมและกำหนดทิศทางธุรกิจของบริษัทด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมที่สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของธุรกิจในยุคใหม่ และยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้โรงแรมสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและประสบความสำเร็จในตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่หยุดนิ่ง

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจไทยมาก โดย Krungthai COMPASS ระบุว่า ในช่วงปี 2562 หรือก่อน Covid-19 ประเทศไทยมีรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวราว 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 18% ของ GDP และเมื่อสถานการณ์ Covid-19 ได้เริ่มคลี่คลายลง ภาคการท่องเที่ยวก็เริ่มคึกคักขึ้น จะเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 จำนวน 28.2 ล้านคน และเติบโตต่อเนื่องมาจนถึงครึ่งปีแรกของปี 2567 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 17.5 ล้านคน หรือเติบโต 35% YoY และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 จะยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 36.5 และ 40.0 ล้านคน

ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวจะมีมูลค่าราว 2.65-3.00 ล้านล้านบาท แสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวกำลังจะกลับมามีบทบาทสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่องในช่วงปี 2567-2569 และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อน Covid-19 ได้ในปี 2568 ซึ่งก็เป็นผลมาจากมาตรการของภาครัฐในการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

และเนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการระบาดของ Covid-19 จึงส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมต้องปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ใหม่อยู่ตลอด เพื่อความอยู่รอดและการเติบโตอย่างยั่งยืน

ซึ่ง 6 เทรนด์สำคัญในอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว เพื่อช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันและประสบความสำเร็จในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งมีดังนี้

1.ลดการถือครองสินทรัพย์ (Asset-light) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แนวโน้มของการดำเนินธุรกิจโรงแรมที่เน้นสินทรัพย์น้อยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายบริษัทเลือกใช้โมเดลที่ลดการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ โดยการใช้วิธีบริหารจัดการหรือแฟรนไชส์แทนการเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดด้วยตนเอง โมเดลนี้ทำให้ธุรกิจสามารถขยายตัวได้รวดเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงจากการถือครองทรัพย์สิน

แม้ว่าโมเดลนี้จะเป็นที่นิยมในกลุ่มโรงแรมขนาดใหญ่ แต่โรงแรมหรูบางแห่งยังคงยึดถือการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะเจาะจงของกลุ่มลูกค้า และรักษามาตรฐานสูงของตนเอง ในขณะเดียวกัน โรงแรมขนาดเล็กก็ยังไม่สามารถนำโมเดลนี้ไปใช้ได้ เนื่องจากขาดประสิทธิภาพในการสร้างการประหยัดต่อขนาดที่เพียงพอ

2.การควบกิจการ (Consolidation)

การควบกิจการเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทโรงแรมใช้ในการขยายตัวและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การซื้อกิจการและการควบรวมกิจการช่วยให้โรงแรมสามารถขยายฐานลูกค้าได้เร็วขึ้น และสร้างการประหยัดต่อขนาด ทำให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มกำไรได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการควบรวมกิจการขนาดใหญ่ของแบรนด์โรงแรมใหญ่ ๆ จะเกิดขึ้นน้อยลงในปัจจุบัน การซื้อกิจการขนาดเล็กเพื่อเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ หรือเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางยังคงเป็นที่นิยมและจะมีบทบาทสำคัญในอนาคต

3.การจองโดยตรง (Direct Booking)

โรงแรมต่าง ๆ ได้พยายามหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยการลดการพึ่งพาตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ (OTA) และส่งเสริมการจองโดยตรงผ่านช่องทางของตนเอง เช่น เว็บไซต์ของโรงแรม แอปพลิเคชัน
มือถือ หรือโปรแกรมสมาชิก

การจองโดยตรงช่วยให้โรงแรมลดค่าธรรมเนียมการจองที่ต้องจ่ายให้กับตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ และยังช่วยให้โรงแรมได้รับข้อมูลลูกค้ามากขึ้น ซึ่งสามารถนำไปปรับปรุงการบริการและพัฒนาแคมเปญการตลาดที่เหมาะสมได้

4.การแชร์บ้าน (Home Sharing)

การแชร์บ้านได้กลายเป็นเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการโรงแรมอย่างมีนัยสำคัญ ในอดีต การแชร์บ้านถือเป็นเพียงการเช่าห้องพักหรืออพาร์ตเมนต์ที่ไม่ได้ใช้สำหรับนักท่องเที่ยว แต่ในปัจจุบัน การแชร์บ้านกลายเป็นตัวเลือกที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าโรงแรมแบบดั้งเดิม

แพลตฟอร์มการแชร์บ้านอย่าง Airbnb ได้กลายมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญสำหรับโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม การแชร์บ้านก็เป็นโอกาสสำหรับโรงแรมเหล่านี้ในการใช้แพลตฟอร์มเพื่อขยายการเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มรายได้

5.การพัฒนาเทคโนโลยี

เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI ในการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า การใช้ Big Data เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า หรือการนำเสนอประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality) ในการเลือกห้องพัก

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โรงแรมสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น และยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวเข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6.การพัฒนาความยั่งยืน

ในยุคปัจจุบัน ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว โรงแรมหลายแห่งได้หันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานสะอาด การลดการใช้พลาสติก หรือการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน

การเป็นโรงแรมที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ในระยะยาว

เทรนด์ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโรงแรมตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การนำเทรนด์เหล่านี้มาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้โรงแรมสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ยังเปิดโอกาสให้โรงแรมสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งทุกเทรนด์ล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้โรงแรมสามารถตอบสนองต่อความท้าทายและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ที่มาข้อมูล : McKinsey & Company, Krungthai COMPASS

 

Writer : พัชรีพร แก้วหานาม

ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus