The Business Plus บิสิเนสพลัส
iPick เปิดแผนที่เอาใจคนชอบอาหารไทยกับ 5 ร้านรสชาติกลมกล่อม อิ่มอร่อย ไปพร้อมกับบรรยากาศสุดชิล
สำหรับใครชื่นชอบการกิน-ดื่ม-เที่ยวนอกบ้าน วันนี้ Business+ ขอหยิบยกข้อมูลจาก iPick โซเชียลแอปพลิเคชั่น ที่ได้แนะนำ 5 ร้านอาหารไทย สำหรับคนที่พิถีพิถันในเรื่องรสชาติของอาหาร พบกับเมนูอาหารที่โดดเด่นด้วยรสชาติไทยแท้ หรือเมนูไทยประยุกต์ที่มีเอกลักษณ์ รับรองความอร่อยไม่แพ้อาหารชาติอื่น ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ สร้างความประทับใจกันแบบข้ามปี
สุพรรณิการ์
ร้านอาหารไทยตกแต่งแบบโมเดิร์นที่มีลูกเล่นของความเป็นอีสานพื้นบ้าน เลือกใช้โทนสีเหลืองของดอกสุพรรณิการ์ พร้อมบริการอาหารไทยที่มีกลิ่นอายของความเป็นอีสานและตะวันออกเล็ก ๆ ผสมผสานกัน โดยครอบครัวของคุณเอ้ ธนฤกษ์ เหล่าเราวิโรจน์ เป็นชาวขอนแก่น และมีห้องอาหารที่ชื่อว่า ‘ครัวสุพรรณิการ์’ โดยคุณยายอยู่ที่นั่นด้วย จึงไม่แปลกที่ห้องอาหารแห่งนี้จึงมีส่วนคล้ายกับครัวสุพรรณิการ์ สำหรับห้องอาหารแห่งนี้มีพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้นสามนั้นสามารถเหมาจัดเป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็น Private Party สำหรับใครที่มีครอบครัวใหญ่ อย่าพลาดเมนูแนะนำอย่าง ม้าฮ่อ (90 บาท) หมูสับผัดกับถั่วลิสงเสิร์ฟบนกลีบส้มสด และหมูชะมวง (170 บาท) ใบชะมวงเคี่ยวกับหมูสันคอเสิร์ฟในแกงขลุกขลิก
ซอยสุขุมวิท 55 (ระหว่างซอยทองหล่อ 6 และ 8) เปิดบริการทุกวัน 11:30-14:30 น. และ 17:30-22:30 น. สอบถามโทร. 02-714-7508
Simmer by Praha
ร้านนี้เกิดจากความรักที่มีต่ออาหารไทยของคุณปราคาร จันทนโพธิ์กุล นักออกแบบภายในที่โตมากับการทำอาหารและเรียนรู้การทำอาหารไทยจาก ‘ทอรุ้ง’ ป้าของเขาซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหนังสือทำอาหารไทยสำคัญๆ หลายเล่มของสำนักพิมพ์เพกาพับบลิชชิ่ง และตามชื่อของร้าน การทำอาหารแบบ Slow Cooking ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ร้านให้ความสำคัญ อาหารส่วนมากในเมนูเป็นอาหารไทยแบบดั้งเดิมโดยมีการปรับแต่งเล็กน้อยแต่ยังคงความเป็นไทยอยู่ จานเด่นของร้านคือ แกงมอญที่ใส่หมูย่างนุ่มๆ พร้อมรสเข้มข้น (140 บาท) ปลาทูต้มเค็ม (140 บาท) หรือแกงเหลืองปลาสำลีญี่ปุ่น และอย่าลืมสั่งขนมไทยหายากอย่าง ส้มฉุน (60 บาท) ที่มีเงาะ ส้ม มะกรูดเชื่อม ในน้ำเชื่อมมะลิ โรยหน้าด้วยขิงและมะม่วงซอยกับหอมเจียว ที่เติมความสดชื่นปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างดี
ชั้น G อาคารสินทร ถนนวิทยุ เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ 11:00-17:00 น. สอบถามโทร. 062-471-9966
The Local
ร้านนี้เกิดขึ้นมาจากทายาทรุ่นที่สองของร้านอาหารไทยชื่อดัง ‘นาจ’ ที่สีลม ตั้งอยู่ในบ้านเก่าอายุกว่าศตวรรษกลางอโศกที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามในสไตล์ย้อนยุคเสมือนสมัยรัชกาลที่ 5 ภายในบ้านมีห้องทานอาหารส่วนตัวหลายห้องที่มีธีมและของเก่าที่แตกต่างกันไป ซึ่งห้องอาหารกลางที่เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายด้วยการตกแต่งแบบไทยร่วมสมัย และสามารถเห็นโต๊ะต่างๆ ที่มีลูกค้าทั้งไทยและเทศที่ต่างมาเพราะสิ่งเดียวกัน นั่นคืออาหารไทยที่ทำแบบดั้งเดิมตามสูตรอายุหลายสิบปีไปจนถึงร้อยปี รวมไปถึงอาหารหายากของแต่ละภาค จานแนะนำเป็นแกงไตปลาออมทอง กุ้งผัดซอสมะขาม (520 บาท) และแกงหายากอย่างแกงรัญจวน (240 บาท) ซึ่งจะเห็นได้ชัดในแต่ละจานว่า The Local ทำอาหารไทยที่ใครก็สามารถทานได้โดยไม่ต้องมีการปรับรสให้เป็นแบบตะวันตกหรือเข้ากับรสลิ้นของใคร
ซอยสุขุมวิท 23 เปิดบริการทุกวัน 11:30-14:30 น. และ 17:30-23:00 น. สอบถามโทร. 02-664-0664
Issaya Siamese Club
เมื่อพูดถึงอาหารไทยประยุกต์คงหนีไม่พ้น Issaya Siamese Club ร้านอาหารไทยที่สร้างสรรค์โดยเชฟชื่อดังอย่าง ‘เชฟเอียน-พงศ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย’ ผู้ร่วมบุกเบิกร้านดังมากมายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดได้เป็นหนึ่งใน 50 ร้านที่ดีที่สุดในเอเชีย ของปี 2015 ด้วยอาหารไทยร่วมสมัยสีสันสวยงามที่ใช้ผัก ผลไม้ และสมุนไพรออร์แกนิกปลูกเองในสวนของร้าน รวมถึงกรรมวิธีการผสมผสานวัตถุดิบในรูปแบบและมุมมองใหม่ๆ ของเชฟเอียน นอกจากห้องอาหารชั้นล่าง ยังมีคอนเซ็ปต์ Lounge Bar ด้านบนและสวนหน้าบ้านที่รวมวัฒนธรรมตะวันตกและความเป็นไทยได้อย่างทันสมัยและมีเอกลักษณ์ เมนูซิกเนเจอร์ของเชฟเอียน ได้แก่ แกงมัสมั่นแกะ และขนมดอกมะลิ หรือเพิ่มอรรถรสด้วยประสบการณ์การกินขนมถังแตก กับรูปแบบการนำเสนอที่ถูกตีความจากชื่อขนมอย่างแท้จริง
ซอยศรีอักษร ถนนเชื้อเพลิง เปิดบริการทุกวัน 11:30-14:30 น. และ 18:00-23:00 น. สอบถามโทร. 02-672-9040
บ้าน
ร้านอาหารร้านที่สองของเซเลบริตี้เชฟ ‘เชฟต้น-ธิธิต ทัศนาขจร’ ด้วยคอนเซปต์ร้านอาหารไทยที่มีชั้นเชิงแต่มีความเป็นกันเองอยู่ และที่นี่ก็เป็นเสมือนบ้านอีกหลังของเชฟด้วยการที่มีเรื่องราวของเพื่อนและครอบครัวอยู่ที่นี่ คุณภาพวัตถุดิบที่ใช้ล้วนมีเรื่องราวของที่มาและผู้ผลิตแต่ละที่ไม่ว่าจะเป็นหมูจาก Slone’s อาหารทะเลจากชาวประมงที่ทำการประมงอย่างยั่งยืน หรือแกะและเนื้อวัวจากบุชเชอร์แบรนด์ดังอย่าง Company B อาหารของที่นี่หลายจานเป็นจานที่ทุกคนคุ้นเคย เช่น ลาบทอด (180 บาท) ขนมจีนแกงเขียวหวาน (250 บาท) จานครีเอทีฟที่จับเอาพะโล้มาผสมกับต้มแซ่บ กลายเป็นพะโล้ต้มแซ่บรสจัดจ้าน (280 บาท) หรือผัดกะเพราที่ใช้เนื้อ Dry-aged (350 บาท) แม้ว่าการตกแต่งของร้านที่ออกไปในแนวทางโมเดิร์นผสมกับรูปทรงเรขาคณิตอาจจะดูแปลกไปสักนิด แต่ก็เก๋ไม่เบาหากพาครอบครัวไปทานอาหารของเชฟไทยที่กำลังขึ้นหม้อสุดๆ ในแวดวงอาหารไทยสมัยใหม่
ถนนวิทยุ เปิดบริการทุกวัน 11:00-14:30 น. และ 17:30-22:30 น. สอบถามโทร. 02-655-8995
