เอ็กโก

เอ็กโก กรุ๊ป ติดปีกบินรุกขยายธุรกิจไฟฟ้าเอเชียแปซิฟิกเต็มสูบ

หลังจากสร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำทะลุเป้าหมายที่ยอด 11,818 ล้านบาท อย่าสวยงามในปีที่ผ่านมา เอ็กโก กรุ๊ป ก็ออกมาประกาศแผนการรบปี 2561 ที่ต้องบอกว่าดุเดือดเผ็ดมันส์แน่นอน เมื่อธุรกิจในประเทศที่เฝ้าฟูมฟัก แตกหน่อออกผลมาให้ชื่นใจจากโรงไฟฟ้าที่ COD ทั้ง 3 โครงการเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงคราวที่เสือต้องติดปีกรุกตลาดต่างประเทศเต็มสูตร

โดยเฉพาะการขยายการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ตั้งใจจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ร้อยละ 30 ภายในปี 2569 โดยขับเคลื่อนธุรกิจด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

การบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดและภายใต้งบประมาณที่วางไว้

• การแสวงหาโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว และการพัฒนาโครงการ Greenfield ทั้งในประเทศและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

• การขยายการลงทุนในโครงการประเภทพลังงานหมุนเวียน เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ร้อยละ 30 ภายในปี 2569 รวมทั้งการแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่

จักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่า “เรายังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของเอ็กโก กรุ๊ป โดยจะต่อยอดธุรกิจในต่างประเทศที่มีฐานอยู่แล้ว ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดหลัก รวมทั้ง สปป.ลาว และอินโดนีเซีย รวมทั้งแสวงหาโอกาสขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะโครงการพลังงานหมุนเวียน เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนให้ได้ ร้อยละ 30 ภายในปี 2569 ตามเป้าหมาย

ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วทั้งในและต่างประเทศรวม 16 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 876 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 20.56 ของกำลังการผลิตทั้งหมด”

ในปีนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 12,000 ล้านบาท สำหรับ 3 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ โรงไฟฟ้า “ไซยะบุรี” และ “น้ำเทิน 1” สปป.ลาว และโรงไฟฟ้า “ซานบัวนาเวนทูรา” ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จและทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในปี 2562 และ 2565 ทั้งนี้ งบลงทุนดังกล่าวยังไม่นับรวมโครงการใหม่ที่จะเข้าไปลงทุนและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 3 โครงการ ได้แก่

โรงไฟฟ้า “ปากแบง” สปป.ลาว
โรงไฟฟ้า “สตาร์ เอนเนอร์ยี่ ส่วนขยาย (หน่วยที่ 3 และ 4)” ประเทศอินโดนีเซีย
โรงไฟฟ้า “กวางจิ” ประเทศเวียดนาม

“นอกจากบริษัทจะมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ความแข็งแกร่งทางการเงิน และความน่าเชื่อถือแล้ว เอ็กโก กรุ๊ป ยังตระหนักดีว่า ความยั่งยืนของธุรกิจต้องอยู่บนพื้นฐานขององค์ความรู้ ควบคู่กับการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมทั้งด้านธุรกิจและสังคม เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้ถือหุ้นในแต่ละปี” จักษ์กริชกล่าว