เปลี่ยนประสบการณ์เจ็บๆเป็นธุรกิจที่ Success

มีคนมากมายที่พูดถึงวิธีทำให้ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่มีใครกล้าออกมาพูดว่าทำไมธุรกิจตัวเองถึงล้มเหลวเลย นี่คือจุดเริ่มต้นของ การลุกขึ้นมาถ่ายทอดประสบการณ์ความล้มเหลวทางธุรกิจที่เกิดขึ้นแบบซ้ำๆจากประสบการณ์ของที่ปรึกษาธุรกิจให้องค์กรใหญ่ จากผู้ชายที่ชื่อ ทาโร่ ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์

หลังจากคว้าปริญญาโท Industrial Engineering, University of Tennessee, Knoxville USA. มาครอง ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ หรือคุณ ทาโร่ เลือกที่จะกลับมาเมืองไทยและเริ่มต้นชีวิตการทำงานในฐานะที่ปรึกษาธุรกิจกับบริษัทชื่อดัง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับช่วงที่ประเทศไทยเกิดภาวะฟองสบู่แตกพอดี

หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในบริษัทที่ปรึกษาในบริษัทชื่อดังถึง 6 ปี คุณทาโร่จึงตัดสินใจออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจเป็นของตัวเองในนาม บริษัท ไอ แอม คอนซัลติ้ง จำกัด ผู้ให้คำปรึกษาด้านการจัดการและพัฒนาระบบไอที

“ หลังจากกลับเมืองไทยผมเริ่มทำงานที่ปรึกษาที่ Accenture และ PWC มาก่อนที่จะมาเปิด ไอ แอม คอนซัลติ้ง ของตัวเองเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ซึ่ง 2 บริษัทนี้ดีทั้งคู่แต่เป็นบริษัทต่างชาติ ผมมีความรู้สึกว่าเราก็น่าจะทำบริษัทคล้ายๆ กันได้ เราทำเฉพาะที่เมืองไทย เรามีความเข้าใจพื้นฐานของคนไทยและเมืองไทยมากกว่าจึงออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง

ช่วงแรกที่ตั้งบริษัทผมคิดเหมือนที่ใครๆก็คิดว่าเปิดมาแล้วตัวเลขจะเป็นบวก แต่ผมกลับติดลบในช่วง 3 ปีแรกพร้อมกับหนี้ธนาคาร 14 ล้าน โดยไม่มีอะไรค้ำ ใช้เครดิตบุคคล อันนี้ผมเจ็บจริง เปิดร้านอาหารผมก็เจ็บจริง

ผมอยากเอาเคสมาเล่าให้ฟังว่ามีผิดพลาดยังไง ให้คนได้เรียนรู้ ไม่มีใครเปิดธุรกิจมาแล้วบอกฉันรอเจ๊งทุกคนก็คิดว่ากำไรหมด

จากความมั่นใจในตอนแรกว่าธุรกิจที่ปรึกษาของตัวเองจะไปได้สวยกับไม่เป็นไปตามคาดแถมหนี้ 14 ล้าน เป็นจุดน่าสนใจว่า เขาจะนำประสบการณ์จากอาชีพที่ปรึกษาธุรกิจที่ช่วยให้บริษัทใหญ่ๆ ทำกำไรมหาศาล มาพลิกธุรกิจของตัวเองให้กลับมาบวกได้อย่างไร

“ถ้าถามผมว่าทำยังไงถึงพลิกธุรกิจกลับขึ้นมาได้ คือ ตามหลักการ ขั้นแรกคือทำยังไงก็ได้ให้บริษัทจ่ายน้อยที่สุดเพราะช่วง 3 ปีแรก เป็นช่วงบริษัทไม่มีจะกิน เป็นช่วงที่ธุรกิจไม่โต พอเข้าสู่ช่วง 7 ปี จะเป็นช่วงธุรกิจกำลังเติบโต และ 7 ปีมันถึงจุด S-CURVE ต้องปรับเปลี่ยนองค์กร ถ้าไม่เปลี่ยนธุรกิจมันจะดิ่งลง

ดังนั้นช่วงบริษัทไม่มีอันจะกินต้องจ่ายให้น้อยที่สุด เพราะบริษัทมีงบน้อย ต้องประคองให้บริษัทมีชีวิตยาวที่สุด เพื่อรอจังหวะที่เกินช่วง 3 ปี ซึ่งคนจะเริ่มรู้จักบริษัท

ซึ่งตอนแรกๆ ที่เปิดบริษัท ผมจ่ายเยอะมาก เพราะผมเป็นบริษัทเล็ก ที่กลัวว่าจะไม่มีพนักงานมาช่วยทำงาน ผมเลยต้องจ้างแพง ซึ่งเป็นการจ่ายที่เกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นมันเลยผิดท่า แถมสมัยก่อนไม่มีสตาร์ทอัพไม่มีสถาบันการเงินหรือองค์กรเอกชนมาช่วยซัพพอร์ตทางด้านการเงินเหมือนสตาร์ทอัพปัจจุบัน

ดังนั้นธุรกิจต้องรอเวลาตามวงจร 3 ปี 7 ปี เพราะกว่าจะมีลูกค้ารายแรก หรือลูกค้ากลับมาซื้อโพรดักเรามันต้องใช้เวลา สร้างแบรนดิ้ง มันไม่มีหรอกที่เปิดบริษัทวันแรกจะมีลูกค้าเดินเข้ามาหา กว่าคนจะรู้จักว่าเราขายอะไร กว่าคนจะปิ๊งแล้วเดินมาหาเราต้องใช้เวลาประมาน 3 ปี โดยเซอร์เคิลตามปกติ”

ความคิดที่ผิดของคนที่เริ่มทำธุรกิจคือ การที่คิดว่าเปิดธุรกิจมาแล้วตัวเองจะเป็นบวก นั่นหมายความว่าคุณรู้ว่าคุณกำลังจะลงสนามรบแต่ไม่มีอาวุธเลย โอกาสซัคเซสก็น้อยลง ฟังดูเหมือนก็วิเคราะห์ง่ายๆนะ แต่ทำไมทุกคนเฟลหมด

นี่คือหลักการง่ายๆที่คุณทาโร่นำมาพลิกธุรกิจจากติดลบ ขึ้นมาบวก ปัจุบันไอ แอม คอนซัลติ้ง ให้บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการและพัฒนาระบบไอทีด้วยระบบ SAP ให้กับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทชื่อดังหลายๆแห่งทั้งธนาคาร บริษัทอสังหาริมทรัพย์ หน่วยงานรัฐ สายการบิน รีเทลและอื่นๆ

ซึ่งการมีโอกาสเข้าร่วมงานกับบริษัทชื่อดังหลายแห่งทำให้คุณทาโร่ มีโอกาสได้พบผู้บริหารระดับสูงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศหลายคนและซึมซับแนวคิดทางธุรกิจจากบุคคลเหล่านั้นมาด้วย บวกกับประสบการณ์ที่ปรึกษาด้านไอทีและการบริหารองค์กรด้วยระบบ SAP ซึ่งเป็นระบบไอทีที่ช่วยจัดการข้อมูลในทุกการทำงานของธุรกิจมากว่า 20 ปีซึ่งคุณทาโร่ได้นำมาประสบการณ์ทั้งหมดมาประยุกต์เข้าด้วยกันจนออกมาเป็นโมเดลวิเคราะห์ธุรกิจที่เรียกว่า “3K หรือ 3 Knows” หรือเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์จับผิดธุรกิจ ซึ่งแบ่งออกเป็น

1.KYP (Know You Product) รู้จักสินค้าว่าจะขายอะไร จะขายนวัตกรรม ขายของดี ขายแบรนด์ เช่น มีร้านกาแฟ 3 ร้าน ทุกร้านขายกาแฟหมด แต่จุดขายแตกต่างกัน บางร้านขายบรรยากาศ บางร้านขายความสะดวก บางร้านขายรสนิยม 3 ร้านนี้จึงประสบความสำเร็จธุรกิจกาแฟในมุมที่แตกต่างกัน

2.KYC (Know You Client) รู้จักกลุ่มเป้าหมายว่าลูกค้าของเราคือใคร หาช่องทางวางแผนการขายและการตลาดได้ตามโจทย์นั้น

3.KYM (Know You Money) รู้จักเงินในกระเป๋า ไม่ใช่แค่รู้จักยอดขายเท่านั้น แต่ต้องรู้ต้นทุนเงินกระเป๋าและกำไร จึงควรทำบัญชีรายรับและรายจ่าย เพราะถ้าใช้เงินไปตามรายรับที่ได้โดยไม่หักต้นทุนก็จะเข้าตำรา ขายดีไม่มีกำไร หรือขายดีจนเจ๊ง นั่นเอง

และเมื่อเร็วๆนี้คุณทาโร่ ได้คลอดโปรเจ็คที่ชื่อว่า Something is wrong in your business มีบางอย่างผิดในธุรกิจคุณ ซึ่งเป็นการหยิบเอาประสบการณ์ที่เข้าไปคลุกคลีกับธุรกิจต่างๆและมองเห็นว่าทุกธุรกิจจะมีข้อผิดพลาดที่ซ้ำๆ กันเหล่านั้น มาร้อยเรียงและบอกเล่า เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจ และกลุ่มสตาร์ทอัพ ได้คิดวิเคราะห์ในมุมกลับเพื่อหาข้อผิดพลาดที่มีผลทำให้ธุรกิจไม่เติบโต รวมถึงการหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับธุรกิจในอนาคต ผ่าน 3 ช่องทางคือ

พ็อกเกจบุ๊ค “มีบางอย่างผิดในธุรกิจคุณ ” งานสัมมนา “The Power of I AM 2017 : Something is wrong in your business” และ ภาพยนตร์ซีรีส์ชุด “ธุรกิจวุ่นลุ้นรัก” ซึ่งกำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้

“ผมเริ่มต้นจากการที่ปรึกษาก่อน เมื่อเห็นปัญหาทางธุรกิจบางอย่างที่เกิดขึ้นซ้ำๆ รวมทั้งความคิดความอ่านของผู้บริหารชื่อดังที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ผมซึมซับมา ถ่ายทอดให้ SME มีความคิดมากกว่าจะมาบอกว่า โพรดักต์ของเรามีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง แต่ผมต้องการสื่อสารว่าธุรกิจมันต่อขับเคลื่อนด้วยมันเองก่อน แล้วค่อยเอาเทคโนโลยีเข้ามาซัพพอร์ต

ปัญหาของ SME มันใหญ่และแมส ลูกค้าของไอ แอม คอนซัลติ้ง ผมดูอยู่จริงๆ แค่10กว่ารายเท่านั้นที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ แต่ SME มีจำนวนหลักหมื่นหลักแสนรายแล้วเจอปัญหาเหมือนกันหมด การออกหนังสือ จัดสัมมนา ปล่อยหนังออกไปแบบนี้มันจะกระจายมากกว่า

เมื่อ SME ได้ดูแล้วนำไปคิดต่อ ผมว่ามันได้อิมแพคมากกว่า แต่ถ้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ เขาไม่มานั่งดูนั่งอ่าน เราต้องเข้าไปแก้ปัญหาทีละบริษัท แต่ SME เราเข้าไปทีละบริษัทไม่ไหว เพราะมันเยอะมากเราต้องให้เค้ารู้ปัญหาของตัวเองก่อนว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งมันช่วยให้เค้าเรียนรู้ได้เร็วขึ้น”

เรียกได้ว่าโปรเจ็ค Something is wrong in your business เป็นโปรเจ็คดีๆ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการทุกธุรกิจไม่ตกหลุมพรางความคิดที่ว่า ธุรกิจต้องเป็นบวกเสมอ พร้อมกับเป็นแนวทางทบทวนและนำไปวิเคราะห์กับธุรกิจของตัวเองว่ากำลังประสบกับปัญหาแบบไหนอยู่ เพื่อแก้ไขได้ถูกจุด