เบื้องหลังกำไรสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ บริษัทขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่าง ‘เอสวีไอ’ ทำได้ยังไง?

บริษัทกลุ่มเทคโนโลยี ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศกำไรในไตรมาส 3 ปี 2564 ออกมาค่อนข้างโดดเด่น

โดย 6 บริษัทฯ แรกที่ประเดิมออกมาก่อน (ข้อมูลวันที่เขียน 12 พ.ย.2564) ประกอบด้วย บจม.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) บมจ.เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) (SVI) และ บมจ.ทีมพรีซิชั่น (TEAM)

ซึ่งหากเรียงลำดับจากรายได้สูงที่สุด ใน 6 อันดับแรกที่ประกาศออกมา พบว่า เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 1 และเอสวีไอ เป็นอันดับที่ 2

โดย เอสวีไอ เป็นบริษัทที่มีการปรับตัวที่น่าสนใจทั้งรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้ 4,433.18 ล้านบาท และกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271 ล้านบาท หรือ 108.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

หนุนกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนดีดตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาที่ 834.06 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 584.65 ล้านบาท และมากกว่าปี 2563 ทั้งปีที่มีกำไรสุทธิ 686.49 ล้านบาท

ซึ่ง ‘Business+’ ได้อ่านคำอธิบายประกอบงบฯไตรมาส 3 พบว่า มี 4 เหตุผลหลักที่ทำให้ เอสวีไอ ประสบความสำเร็จในเรื่องของกำไรสุทธิ คือ

1. ความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในกระบวนการผลิต รวมไปถึงห่วงโซ่อุปทาน ถึงแม้โควิด-19 จะทำให้ห่วงโซ่อุปทานสะดุด หรือล่าช้า แต่ เอสวีไอ ยังสามารถบริหารได้เป็นอย่างดี ทำให้มีสินค้าส่งถึงมือลูกค้าสูง (เห็นได้จากยอดขายอยู่ที่ 4,414 พันล้านบาท เติบโต 215 ล้านบาทจากไตรมาส 3 ของปี 2563)

2. ความสามารถของบริษัทในการจัดการวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้จะเจอกับต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้นทั้งจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น (เห็นได้จากต้นทุนขายที่ลดลงเหลือ 3,745 ล้านบาท จาก 3,848 ล้านบาทในไตรมาส 3/2563)
.
3. รายได้ในสกุลเงินบาทเพิ่มขึ้น เป็นเพราะค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงจาก 31.32 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ปี 2563 ขยับเป็น 32.74 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ปี 2564 ทำให้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และหนุนกำไรในบรรทัดสุดท้าย

4. ยอดขายกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายไร้สายสำหรับการสื่อสาร ระบบควบคุมอุตสาหกรรม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์และการขนส่งสาธารณะและอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์พุ่งขึ้น จากความต้องงานในช่วงที่ประเทศคุมเข้มโควิด-19

นอกจากนี้ หากวิเคราะห์ตามอัตราส่วนทางการเงิน (Ratio) เราจะพบว่า เอสวีไอ มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 21% สูงเป็นอันดับที่ 2 ใน 6 กลุ่มบริษัทฯ ที่ประกาศงบฯออกมา รองจาก ทีมพรีซิชั่น เพียงบริษัทเดียว

แสดงให้เห็นว่า เอสวีไอ เป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนที่ถือหุ้นของ เอสวีไอ มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง

ขณะที่ในแง่ของอัตราส่วนหนี้สิน ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมี Current Ratio อยู่ที่ 1.36 เท่า โดย Current Ratio เป็นการเทียบระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียน (Current Asset) กับหนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities) ให้เห็นความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้นได้เป็นอย่างดี เพราะหากขาดสภาพคล่องในระยะสั้น บริษัทยังสามารถนำสินทรัพย์หมุนเวียนมาขายเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว

ด้าน Inventory turnover Ratio (อัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือ) ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางการเงินที่เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง ต้นทุนขายเทียบกับสินค้าคงเหลือเฉลี่ย อยู่ที่ 3.12 เท่า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี

แสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีสินค้าคงเหลือน้อย และการมีสินค้าคงเหลือน้อยจะช่วยทำให้กิจการมีความเสี่ยงเรื่องสินค้าคงคลังน้อยลง ก็จะใช้ต้นทุนการจัดเก็บรักษาสินค้าน้อยตาม ทำให้ต้นทุนรวมต่ำลงไปด้วย

โดยบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นั้น หากสามารถบริหารสินค้าคงเหลือได้ดีจะได้เปรียบคู่แข่ง นั่นเป็นเพราะเป็นสินค้าที่ต้องอาศัยการพัฒนาไปตามเทคโนโลยีที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตาม ดังนั้น หากไม่สามารถระบายสินค้าคงเหลือได้อย่างรวดเร็ว ก็อาจจะเสียเปรียบหากสินค้าที่ผลิตออกมาแล้วไม่เป็นที่ต้องการของตลาด และยังมีต้นทุนจากการเก็บรักษาสินค้าที่สูงมากด้วย

จะเห็นว่า ในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้บริษัทในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับอานิสงค์จากความต้องการใช้สินค้าเทคโนโลยีมากขึ้น แต่หากไม่บริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่ดี ก็อาจจะเจอกับภาวะขาดทุนในช่วงที่ต้นทุนขนส่งพุ่งได้เช่นเดียวกัน

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ข้อมูล : SET ,SVI

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS
.
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ #เทคโนโลยี #SVI