เบสท์ โลจิสติกส์ ‘The Leader of Cross Border’

เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่อาจขาดองค์ประกอบเล็ก ๆ จำนวนมากมาร่วมมือกันสานความสำเร็จเหล่านั้นออกมา เหมือนกับที่ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือที่เรียกกันในนาม BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) แบรนด์ธุรกิจ รับ-ส่ง พัสดุด่วนทั่วไทย ที่ต้องบอกว่าทุกย่างก้าว คือ ความสำเร็จของแฟรนไชส์ BEST Express ทั่วประเทศ และเป็นก้าวที่โดดเด่นท่ามกลางธุรกิจแฟรนไชส์โลจิสติกส์ในประเทศไทย

คุณเจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ เผยว่า 3 ไตรมาสแรกของปี 2021 ที่ผ่านมาเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ปริมาณพัสดุของเราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีที่ผ่านมา เรามีการพัฒนาและขยายศูนย์กระจายสินค้าของเรา โดยเราขยายไปที่เขตพระรามสองซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าอีกที่หนึ่งของกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ก็มีการเพิ่มสาขาด้วย ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,100 สาขาทั่วประเทศ

BEST Express ผู้นำด้านเทคโนโลยีการบริการ

บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กับการเป็น “เจ้าแรก” ผู้ให้บริการนวัตกรรมเทคโนโลยี “การแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ (Automatic Tracking System) ผ่าน LINE Official Account” หรือเรียกชื่อบริการนี้ว่า “BEST Tracking Alert” โดยระบบจะแจ้งเตือนแบบ Real-time ผ่าน LINE Official Account รวมถึงช่องทางอื่น ๆ อาทิ BEST Express Application เป็นต้น ซึ่งเหมาะกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจากออฟไลน์มาสู่ออนไลน์มากที่สุดในยุคดิจิทัลนี้ ตลอดจนรองรับการเติบโตอย่างมหาศาลของตลาดอีคอมเมิร์ซอีกด้วย

2022 เน้นขยายบริการ Cross Border เต็มรูปแบบ

คุณเจสัน เชียน เผยว่าปี 2022 ทางบริษัทเตรียมขยายธุรกิจบริการขนส่งพัสดุข้ามประเทศ (Cross Border) เพิ่มเติม ไปสู่ประเทศกัมพูชา เวียดนาม และลาวในอนาคต เพื่อขยายเครือข่ายการขนส่งพัสดุให้ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเปิดประสบการณ์การทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไทยไปยังต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากเดิมที่มีบริการส่งพัสดุจากไทยไปยังมาเลเซียและจีนเรียบร้อยแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้เราจะขยายไปยังทวีปยุโรปและอเมริกาเพิ่มเติมอีกด้วย “จากการเริ่มดำเนินธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนและซัพพลายเชนในประเทศไทยตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้เราพร้อมแล้วที่จะขยายธุรกิจในวงกว้างโดยอาศัยเครือข่ายทั้งในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าลุยตลาด Cross Border ส่งพัสดุข้ามประเทศอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงเพิ่มยอดพัสดุชิ้นใหญ่และให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ B2B มาใช้บริการเพิ่มขึ้น”

โดยบริษัทจะเน้นสร้างรูปแบบการบริการให้เป็น One-Stop Service หรือการบริการบูรณาการแบบครบวงจร นอกจากนี้ BEST Express ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจคือ BEST Supply Chain (เบสท์ ซัพพลายเชน) ผู้ให้บริการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร ที่ให้บริการด้าน Fulfillment Service โดยบริการนี้จะทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการได้ และเตรียมขยาย “บริการการจัดการคลังสินค้าและบริการขนส่งสินค้าข้ามประเทศ หรือ Cross border” มากขึ้น

ปีนี้บริษัทตั้งเป้าอยู่ที่ 2,000 สาขา แม้จะมีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศแล้วก็ตาม แต่เราอยากจะพัฒนาในพื้นที่ที่ห่างไกล ในบริเวณชนบทให้มีแฟรนไชส์ในพื้นที่นั้นมากขึ้น เพื่อที่จะได้กระจายพัสดุไปได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ในอนาคตเราจะสนับสนุนให้แฟรนไชส์ทำทั้ง ธุรกิจข้ามพรมแดน อีคอมเมิร์ซ และอื่น ๆ มันไม่ใช่แค่ธุรกิจขนส่งในประเทศอีกต่อไป เพราะมันจะกลายเป็นธุรกิจใหม่ บริการใหม่ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายด้วย และมุ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

2022 บริการขนส่งพัสดุชิ้นใหญ่เน้นเพิ่มลูกค้า B2B

โดยปี 2022 การขนส่งพัสดุขนาดใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าแบบ B2B มากขึ้น เช่น โรงงานอุตสาหกรรม บริษัทยานยนต์ และอะไหล่รถยนต์ หรือที่เป็นสินค้าชิ้นใหญ่ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราเชื่อว่าสามารถช่วยลูกค้าได้ และอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือเราจะสนับสนุนแฟรนไชส์ให้มีคลังสินค้าเป็นของตัวเองที่เป็นแบบ Cloud Fulfillment รับทำตั้งแต่จัดส่งสินค้า แพ็คสินค้า และเอาสินค้ามาไว้ในคลังของแฟรนไชส์เอง โดยเป้าหมายคือให้ลูกค้าทุกที่มีคลังกักเก็บสินค้าของตัวเอง

เขียน : เอกพล มงคลพัฒนกุล