เทียบ ‘ปอนด์ ต่อ ปอนด์’ 2 บริษัทเวชภัณฑ์ จ่อคิวเข้าตลาดหุ้น ตัวไหนน่าลงทุนกว่ากัน?

กลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับเวชภัณฑ์ และสุขภาพเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่บนเมกะเทรนด์ เพราะมีโอกาสการเติบโตสูงจากพฤติกรรมของคนที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น สำหรับบริษัทที่เป็นผู้เล่นในธุรกิจนี้อยู่แล้วจึงต้องอาศัยจังหวะนี้ ระดมทุนเพื่อขยายกิจการสะสมความมั่งคั่ง

และเมื่อดูข้อมูลของบริษัทที่จะเข้าระดมทุนจากตลาดหุ้น ด้วยการขายหุ้นเป็นครั้งแรกให้กับประชาชนโดยทั่วไปเพื่อเข้าตลาดหุ้น (IPO) พบว่ามี 2 บริษัทที่จะเข้าซื้อขายใน mai (ตลาดสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 300 ล้านบาท) นั่นคือ “บมจ.เฮลท์ลีด” และ “บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย)”

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ และรายละเอียดการดำเนินธุรกิจของบริษัททั้ง 2 อาจจะไม่เหมือนกันทั้งหมด เพราะ“เฮลท์ลีด” นั้น เป็น Holding Company พูดง่ายๆคือ เป็นบริษัทที่ลงทุนในบริษัทอื่น และจะเลือกลงทุนในร้านขายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง รวมถึงธุรกิจคิดค้น พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ และผลิตภัณฑ์หน้ากาก

ส่วน “โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี” นั้น เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวชภัณฑ์ มีทั้งภายใต้แบรนด์ของตัวเอง และรับจ้างผลิต (OEM)

แต่ในแง่ของกลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว ต้องบอกว่า ทั้ง 2 บริษัทเป็นผู้เล่นในตลาดเกี่ยวกับเวชภัณฑ์ และสุขภาพ เหมือนกัน เราจึงได้นำผลประกอบการ และอัตราส่วนทางการเงินของทั้ง 2 บริษัทมาเปรียบเทียบเป็นข้อมูลสำหรับการเข้าลงทุน

HealthCare

บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL มีสินค้าหลักๆ คือ ยาและผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์ และของใช้ในบ้าน สินค้าสุขภาพสำหรับภายนอกร่างกาย และสินค้าบริโภค โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาทั้งหมด 4 แบรนด์ รวม 24 สาขา คือ
– iCare จำนวน 10 สาขา
– Pharmax จำนวน10 สาขา
– vitaminclub จำนวน 3 สาขา
– Super Drug จำนวน 1 สาขา

ด้าน รายได้รวมปี 2563 จำนวน 1,080.11 ล้านบาท กำไรสุทธิ 52.08 ล้านบาท

และมีสัดส่วนรายได้ปี 2563 แบ่งเป็นรายได้จากการขายยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 69.73% , รายได้จากการขายอุปกรณ์การแพทย์และของใช้ในบ้าน 15.67% ,รายได้จากการขายสินค้าสุขภาพสำหรับภายนอกร่างกาย 8.87% ,รายได้จากการขายสินค้าบริโภค 4.24% ,รายได้อื่น 1.48%

จากข้อมูลที่ผ่านมาสามารถนำมาคำนวณได้ว่า ‘เฮลท์ลีด’ มีอัตราการเติบโตของรายได้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยปีละ 16.84%

มาดูกันที่ฝั่งของ บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP มีการดำเนินธุรกิจหลักๆ 2 รูปแบบคือรับจ้างผลิตและจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (OEM) และ ผลิตและจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท (Own Brand) ซึ่งมีตราสินค้า 4 ตรา ได้แก่ COX, JSP, EVITON และ สุภาพโอสถ

มีรายได้รวมปี 2563 ที่ 462.74 ล้านบาท กำไรสุทธิ 31.08 ล้านบาท และมีสัดส่วนรายได้ปี 2563 รับจ้างผลิต (OEM) 53.87% , Own Brand สัดส่วน 20.74% , ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ 18.76% ,ซื้อมาขายไป (Trading) 5.10%

จากข้อมูลสามารถนำมาคำนวณได้ว่า “โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี” มีอัตราการเติบโตของรายได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยปีละ 15.18%

และจากข้อมูลในตารางทั้งหมดที่เรานำเสนอ จะเห็นว่า ถ้าเลือกพิจารณาจากรายได้ และกำไรสุทธิ “เฮลท์ลีด” ยังสูงกว่า “โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี” ทั้งในแง่ของจำนวนเงิน และอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี

แต่หากเป็นอัตราส่วนทางการเงินแล้ว ถือว่า “สูสี” แต่อัตรากำไรขั้นต้น “โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี” นั้น สูงกว่า “เฮลท์ลีด” มาก เพราะ “โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี” รายได้ส่วนใหญ่มาจากการผลิตสินค้าประเภทยา เวชภัณฑ์ด้วยตัวเอง และยังรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ ถือเป็นการดำเนินธุรกิจในระดับต้นน้ำที่จะได้รับกำไรค่อนข้างสูง

ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ที่บ่งบอกว่ากิจการมีหนี้มากหรือน้อยเมื่อเทียบกับทุน จะเห็นว่า “โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี” มีหนี้สินที่ค่อนข้างต่ำกว่า “เฮลท์ลีด”

อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนที่ใช้วัดผลตอบแทน หรือความสามารถของบริษัทเช่น ROA และ ROE นั้น “เฮลท์ลีด” ยังสูงกว่า “โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี”

ดังนั้นข้อสรุปที่ว่าบริษัทไหนน่าลงทุนมากกว่ากัน คงจะต้องตอบว่ามีจุดแข็งกันคนละด้านถ้าชอบบริษัทที่มีรายได้ และผลตอบแทนสูงคงต้องบอกว่า “เฮลท์ลีด” ยังเหนือกว่า แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ยั่งยืน ความเสี่ยงต่ำต้องให้คะแนน “โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี”

อย่างไรก็ตาม เราต้องจับตาดูช่วงการเคาะราคา IPO เพื่อเสนอขายกันอีกครั้ง ว่า ราคาที่กำหนดมานั้น บริษัทไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากัน

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ข้อมูล : SET,ก.ล.ต.

Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #SET #mai #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #หุ้นไทย #stock #IPO