‘เซ็นทรัลฯ’ เสี่ยงถูกหั่นมูลค่าหุ้น หลังกำไรปีล่าสุดต่ำกว่าคาด พบข้อมูล 4 ธุรกิจหลักยังไม่ฟื้นตัว!!

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ที่เรารู้จักกันดีในนามของเจ้าของห้างสรรพสินค้า ‘เซ็นทรัล พลาซ่า’ และโรงแรมอย่าง ‘เซ็นทารา’ ประกาศผลการดำเนินงานในปี 2564 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย

โดยมีรายได้ 28,977 ล้านบาท ลดลง 9.6% จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 7,148.45 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 25.2% จากปี 2563

สำหรับสาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวลดลง มาจากรายได้ของ 4 ธุรกิจหลักปรับตัวลดทั้งหมดเมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากไตรมาส 3/2564 มีมาตรการล็อกดาวน์ทำให้มีการปิดให้บริการศูนย์การค้าชั่วคราวในพื้นที่เสี่ยงเกือบ 2 เดือน

– ธุรกิจศูนย์การค้าและสำนักงานให้เช่า : ปัจจุบันมีศูนย์การค้าทั้งหมด 36 แห่ง อัตราการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าในประเทศเฉลี่ย ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 91% และมีอาคารสำนักงานให้เช่า 10 อาคาร

โดยรายได้ธุรกิจบริษัทมีรายได้จากการให้เช่าและบริการ 21,748 ล้านบาท ลดลง 8.3% เนื่องจากการปิดศูนย์การค้าชั่วคราวในเขตพื้นที่เสี่ยงสูง และได้มีการยกเว้นค่าเช่าให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้ประกอบการตามความเหมาะสม อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการงดจัดกิจกรรมและงานอีเวนต์ต่าง ๆ ชั่วคราว ทำให้รายได้จากการจัดกิจกรรมทางการตลาดลดลง

– ธุรกิจบริการศูนย์อาหาร : โดยปัจจุบันมีศูนย์อาหารทั้งหมด 32 แห่ง และมีรายได้จากการให้บริการศูนย์อาหารในปี 2564จำนวน 325 ล้านบาท ลดลง 27.2% จากปีก่อน สอดคล้องกับทิศทางการปิดดำเนินการของศูนย์การค้าบางแห่งชั่วคราวและมาตรการห้ามนั่งรับประทานอาหารเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

– ธุรกิจโรงแรมโรงแรม 2 แห่ง : โรงแรมเซ็นทาราและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อุดรธานี และฮิลตัน พัทยา โดยบริษัทฯ มีรายได้จากกิจการโรงแรม 286 ล้านบาท ลดลง 6.4% จากปีก่อน เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ฟื้นตัวจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ซึ่งยังคงถูกจำกัดการเดินทาง โดยโรงแรม ฮิลตัน พัทยา มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 60% และเซ็นทาราและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อุดรธานี มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 35%

– ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัย : โครงการที่พักอาศัยเพื่อขาย 22 โครงการ แนวสูง 15 โครงการ แนวราบ 7 โครงการ และมีส่วนที่เข้าไปลงทุนในบริษัท SF แบ่งเป็น ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 1 แห่ง และคอมมูนิตี้มอลล์หรือศูนย์การค้าขนาดเล็ก 18 แห่ง

โดยบริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 2156 ล้านบาท ลดลง 4.7% จากปีก่อน เนื่องจากในปี 2563 มีการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นโครงการคอนโดฯ 2 แห่งล็อตใหญ่

จะเห็นได้ว่าทั้ง 4 ธุรกิจของเครือเซ็นทรัลฯ ปรับตัวลดลงทั้งหมด จึงส่งผลให้รายได้รวมลดลง และส่งผลต่อมายังกำไรสุทธิในปีล่าสุด และการที่กำไรสุทธิลดลงย่อมส่งผลต่อการประเมินมูลค่าหุ้น CPN (ราคาหุ้นที่เหมาะสม) ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น (Earning Per Share : EPS) คูณกับ P/E (Price-To-Earnings Ratio) นั่นคือ P = EPS x P/E เนื่องจากก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์หลายแห่งคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในปี 2564 จะอยู่ที่ 7,300 ล้านบาทขึ้นไป (ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย)

ขณะที่การฟื้นตัวของ 4 ธุรกิจหลักจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งในปี 2565 นักวิเคราะห์มองเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการโดยรวม เนื่องจากต้นปี 2565 ยอดการใช้บริการในศูนย์การค้าเซ็นทรัล กลับมาอยู่ที่ 80-90% โดยเฉพาะในสาขาต่างจังหวัด

ขณะที่จะได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ เช่น ช้อปดีมีคืน และธุรกิจโรงแรม และร้านอาหารได้รับปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัว แต่การคาดการณ์เหล่านี้ถูกตั้งขึ้นบนสมมติฐานที่ไม่มีการระบาดครั้งใหม่ ที่ทำให้ต้องปิดศูนย์การค้าหรือโรงแรมอีก

เพราะถ้าหากการเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นมากกว่าเดิมจนนำไปสู่การใช้มาตรการที่เข้มข้นอีกครั้ง ผลกระทบจะตกมายัง 4 ธุรกิจของ CPN อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ที่มา : SET

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #เซ็นทรัล #CPN