เชือดไก่เพื่อเอาไข่? คลังจ่อเก็บภาษีหุ้น สั่งเตรียมตัวภายใน 3 เดือน

ประเด็นเรื่องภาษีหุ้นถูกนำมาพูดถึงกันอีกครั้งหลังจากไม่กี่วันที่ผ่านมา ‘คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมายืนยันว่ากระทรวงการคลังจะเดินหน้าเก็บภาษีการขายหุ้น หรือ Financial Transaction Tax ซึ่งจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาอนุมัติในเร็วๆ นี้

ถึงแม้เรื่องของภาษีหุ้นจะถูกนำมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างจริงจังเสียที หนึ่งในอุปสรรคคือ หลายฝ่ายต่อต้าน โดยมองว่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้แข็งแกร่งมากพอที่จะเก็บภาษีหุ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียเปรียบในเชิงแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ที่มีความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนมากกว่าเรา และนำไปสู่การถูกดึงเม็ดเงินออกไป

แต่ความคืบหน้าในครั้งนี้คือ การเก็บภาษีหุ้นจะเกิดขึ้นจริง และจะเป็นการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าจะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.1% ของมูลค่าที่ขาย ด้วยการออกกฎหมายที่จะจัดเก็บแบบเท่าเทียมกัน คือ เก็บจากภาษีการขาย “ไม่มีการแบ่งแยกวงเงินของการซื้อขายว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่” และใช้เวลาสำหรับการเตรียมตัวไม่เกิน 3 เดือน เพื่อให้โบรกเกอร์จัดเตรียมระบบข้อมูลและการนำส่งภาษีให้กับกรมสรรพากร โดยก่อหน้านี้ได้ถูกคาดว่า กระทรวงการคลังน่าจะมีรายได้จากภาษีไม่ต่ำกว่า 15,000-20,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากเราพูดถึงภาษีขายหุ้นนั้น จะพบว่าประเทศไทยได้รับการยกเว้นภาษีดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 31 ปี (ตั้งแต่ปี 2534) แต่การที่จู่ ๆ จะถูกนำมาใช้จริงในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่อาจจะเป็นปัจจัยลบต่อภาพรวมการลงทุนเสียมากกว่า หลายฝ่ายมองว่า ‘ได้ไม่คุ้มเสีย’ เพราะขณะนี้ไทยยังเป็นตลาดเกิดใหม่ จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกดึงสภาพคล่องออกไปอย่างแน่นอน

หากมองภาพรวมการปรับตัวของตลาดหุ้นไทย SET ข้อมูล ณ วันที่ 14 มิ.ย. 2565 นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) พบว่า SET ปรับตัวลดลง 3.29% ส่วน SET50 ปรับตัวลดลง 2.02%

หันมาดูตลาดหุ้นหลักอย่าง Dow Jones 30 ปรับตัวลดลง 17% ส่วน S&P 500 ปรับตัวลดลง 22.12% ส่วนตลาดหุ้น Hang Seng ปรับตัวลดลง 9.48%, Nikkei 225 ปรับตัวลดลง 7.51%, Shanghai Comp ปรับตัวลดลง 9.64%

จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจของประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจาก COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา

ประเด็นนี้หลายฝ่ายได้ออกมาให้ความเห็นกันมากมาย เช่น ‘คุณวทันยา บุนนาค’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าการที่กระทรวงการคลังจะเดินหน้าเก็บภาษีการขายหุ้น อาจจะเป็นการ ‘เชือดไก่เพื่อเอาไข่กันอยู่รึเปล่า?’

เนื่องจากตอนนี้ทั่วโลกมีข่าวร้ายเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดหุ้นไทยที่รับข่าวร้ายดิ่งลงตามเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ยุคผันผวน เงินเฟ้อหนักเป็นประวัติการณ์ในรอบ 13 ปีเพราะราคาต้นทุนที่เพิ่งสูงขึ้น วิกฤตโควิดผสมกับปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กลายเป็นปัญหายืดเยื้อ

ขณะที่เอกชนไทยเตรียมออกหุ้นกู้ในปี 65 จำนวน 1.2 ล้านล้าน นั่นคงเป็นสัญญาณให้เห็นถึงการเตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจผันผวนของภาคเอกชนจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ

และการเตรียมระดมทุนเงินจำนวนมหาศาลของเอกชนนั้นยังบอกอะไรเราอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ “ความสำคัญของตลาดทุน” ในการเป็นที่พึ่งพิงให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในยามที่ต้องพึ่งพิงตนเอง ไม่สามารถหวังพึ่งพารัฐได้

ดังนั้น จึงมองว่าการเก็บภาษีตลาดทุนนั้น หากรัฐจะดำเนินการรัฐควรพิจารณาการเก็บภาษีแบบ Capital Gain Tax เพื่อความเป็นธรรมสำหรับนักลงทุนที่ต้องชำระค่าภาษี มากกว่าการเก็บภาษีการซื้อ-ขาย เพียงเพราะหน่วยงานสามารถทำงานสะดวกกว่า แต่สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่ภาครัฐจะดำเนินการนโยบายใดก็ตามที่จะสร้างผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง และรัฐต้องไม่ลืมคำนึงถึง ความเหมาะสมของนโยบาย เพราะการเก็บภาษีหุ้นที่จะส่งผลกระทบถึงตลาดทุนของประเทศไทยอย่างแน่นอนในขณะที่สภาพเศรษฐกิจและประชาชนกำลังเจอวิกฤตรุมเร้า

และให้คำแนะนำว่า ‘อย่าให้ต้องเชือดไก่ เพื่อเอาไข่’ กับการตัดสินใจเพียงมิติเดียว เพราะเม็ดเงินจำนวน 20,000 ล้านที่ได้มาอาจไม่คุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียไป โดยเฉพาะเงินจำนวน 20,000 ล้านที่ว่านั้น สามารถลดภาระได้เพียงการลดต้นทุนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็นของรัฐ(ที่มีมากมาย) ในระหว่างที่กรรมาธิการงบประมาณกำลังพิจารณาอยู่ในตอนนี้

ในมุมมองของ ‘Business+’ แล้วมองว่า ถึงแม้ประเทศจะมีแผนการเก็บภาษีเพราะรัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องหารายได้เพิ่ม แต่สถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ยังไม่เอื้ออำนวย เพราะการเก็บภาษีจะไปเพิ่มภาระให้ประชาชน ทำให้รายได้ลด หากรัฐต้องการเก็บภาษีหุ้น ควรเริ่มเก็บตอนที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวสูง ควบคู่ไปกับการศึกษาข้อมูลรอบด้าน ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ซ้ำเติมนักลงทุน เพราะการเก็บภาษีขายหุ้นในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะยิ่งไปซ้ำเติมเศรษฐกิจในประเทศ

โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศยังได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต้องหาวิธีเพิ่มเงินในกระเป๋าของตัวเองให้ชนะเงินเฟ้อ ส่วนหนึ่งจะหนีเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่ถ้าหากหุ้นยังคงผันผวน และยังถูกเก็บภาษีเพิ่ม อาจทำให้หุ้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไป

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ที่มา : SET, จากการสัมภาษณ์คุณอาคม

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ตลาดหุ้น #STOCK #ภาษีขายหุ้น #ภาษีหุ้น #หุ้นไทย #SET #mai