อาลีเพย์พร้อมเกาะทรูมันนี่รุกตลาดอีวอลเล็ทให้บริการนักท่องเที่ยวจีน

หลังจากเข้ามาถือหุ้นในเครือแอสเซนต์ กรุ๊ป 20% ล่าสุด อาลีเพย์เตรียมรุกตลาดเมืองไทยเพิ่มขึ้น ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างทรูมันนี่ พร้อมเติบโตตามการขยายเครือข่ายร้านค้าที่ชำระเงินผ่านอีวอลเล็ท ที่ทรูมันนี่จะขยายร้านค้าเพิ่มเป็น 100,000 ร้านค้า ผ่านพันธมิตรใหม่อีก 6 ราย มั่นใจอาลีเพย์จะนำไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้อย่างรวดเร็วด้วยแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมจากจีน

พิภาวิน สดประเสริฐ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ANT Financial Services Group ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อาลีเพย์ (Alipay) กล่าวว่า อาลีเพย์พร้อมจับมือกับพาร์ตเนอร์ในประเทศต่างๆ เพื่อขยายบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือวอลเล็ท ไปยังประเทศที่คนจีนนิยมเข้าไปท่องเที่ยว โดยในประเทศไทยอาลีเพย์เข้ามาทำเรื่องเทคโนโลยีร่วมกับทรูมันนี่ในการให้บริการดังกล่าว และถือเป็นการผลักดันให้เมืองไทยเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสด (cashless lifestyle) ได้เร็วขึ้น

โดยล่าสุดพันธมิตรอย่างทรูมันนี่ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนผู้จัดหาเครือข่ายในการรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มอีก 6 บริษัท โดยทรูมันนี่ตั้งเป้าที่จะขยายฐานร้านค้าที่รับบริการชำระเงินอีมันนี่ จาก 12,000 ร้านค้าเป็นกว่า 100,000 ร้านทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของอาลีเพย์เติบโตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“อาลีเพย์เป็นอีวอลเล็ทของประเทศจีนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้อาลีเพย์เป็นประจำ (active users) มากกว่า 450 ล้านคน ซึ่งในปัจจุบันมีคนจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยปีละเกือบ 10 ล้านคน และมีการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันของอาลีเปย์ประมาณ 5 ล้านรายในปีที่ผ่านมา ซึ่งยังคงมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยมีร้านค้าที่สามารถชำระเงินผ่านอาลีเพย์แล้วประมาณ 15,000 ร้านค้า และเชื่อมั่นว่านับจากนี้ทรูมันนี่จะช่วยขยายจำนวนร้านค้าที่สามารถให้บริการอาลีเพย์ได้เพิ่มขึ้น และอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มมากขึ้น”

ทั้งนี้การขยายเครือข่ายร้านค้าและบริการที่รับชำระเงินด้วยระบบอาลีเพย์ที่ชาวจีนมีความคุ้นชินและชื่นชอบ ยังถือเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับร้านค้าได้เข้าถึงนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น และไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเพราะระบบจะคำนวณให้เสร็จเรียบร้อย ทำให้นักท่องเที่ยวที่แลกเงินสดมาไม่พอ สามารถซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น และตัวร้านค้าเองก็มีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอนอีกต่อไป

พิภาวิน กล่าวว่า การเข้ามาของอาลีเพย์ นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายให้กับลูกค้าชาวจีนแล้ว  ยังถือเป็นการนำเทคโนลียีที่เรามีความพร้อมเข้ามากระตุ้นให้คนไทยได้เข้าถึงสังคมไร้เงินสดได้เร็วขึ้น เพราะเมื่อมีความแพร่หลายมากขึ้นตลาดก็จะเกิดความเข้าใจ และใช้งานมากขึ้นตามไปด้วย โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 รองจากอินเดีย ที่อารีเพย์ได้เข้าไปจับมือกับพาร์ตเนอร์ในการนำอาลีเพย์เข้าไปให้บริการนักท่องเที่ยวจีน โดยในเมืองไทยมีพันธมิตรรวมทั้งสิ้น 8 ราย

ด้านสราญรัตน์ ศรีจิรารัตน์ กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด บริษัทในเครือ แอสเซนต์ กรุ๊ป กล่าวว่า ทรูมันนี่ต้องการผลักดันให้เกิดสังคมไร้เงินสดอย่างครบวงจรและเป็นรูปธรรมในเมืองไทย ล่าสุดจึงได้แต่งตั้งตัวแทนผู้จัดหาเครือข่ายในการรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มอีก 6 บริษัท เพื่อขยายจุดรับชำระเงินเป็น 100,000 จุดรับชำระทั่วประเทศ

ทั้งนี้ตัวแทนของ ทรูมันนี่ ทั้งหมดจะเป็นคนกลางในการประสาน สรรหาร้านค้า ธุรกิจบริการที่ได้คุณภาพและตรงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ ทรูมันนี่ วอลเล็ท รวมถึงร้านค้าที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีนเพื่อการชำระผ่าน อาลีเพย์ วอลเล็ท

ปัจจุบันทรูมันนี่มีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 5 ล้านราย มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง 2 ล้านราย โดยมีทรานแซกชันรายละประมาณ 4-5 ครั้งต่อเดือน ซึ่งการเพิ่มจุดให้บริการในครั้งนี้จะช่วยให้มีการใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 10 ครั้งต่อเดือน และจะขยายอายุการใช้งานจากเดิมที่ผู้นิยมใช้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี เป็นอายุที่มากกว่า 30 ปีขึ้นไปได้เข้ามาใช้งานด้วย

โดยตัวแทนผู้จัดหาเครือข่ายในการรับชำระเงินค่าสินค้าประกอบด้วย บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด, บริษัท ฮวนยูจิ จำกัด, บริษัท จีมู่ อินเตอร์เน็ต เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ,บริษัท เพย์วิง (ประเทศไทย) จำกัด ,บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด ,บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด