คนไทยได้อะไร? หลัง แจ็ค หม่า จับมือ รัฐบาลไทยครั้งนี้

คนไทยได้อะไร? หลัง แจ็ค หม่า จับมือ รัฐบาลไทยครั้งนี้

การลงนามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย กับ แจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบา กรุ๊ปอย่างเป็นทางการในประเทศไทย (สักที) นับว่าข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจไทยอย่างมาก เพราะไม่เพียงเป็นก้าวสำคัญของรัฐบาล แต่สำหรับคนที่รู้จักหรือเคยใช้บริการของอาลีบาบา คงต้องล่วงรู้ถึงจุดเด่นของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันทรงพลังจากแดนมังกรเป็นอย่างดี จนทำให้หลายฝ่ายต่างจับตาและกังวลว่า การมาของอาลีบาบาในครั้งนี้ จะครองตลาดอีคอมเมิร์ซหรือไม่ แต่แจ๊ค หม่า ประกาศชัดว่า  เราไม่ได้มาเพื่อผูกขาด และไม่ใช่แค่ win-win แต่เราจะสร้าง win-win และ win 

ถึงมาช้า แต่มาถูกเวลา
แม้วันนี้สิ่งที่จะพิสูจน์วิสัยทัศน์ดังกล่าวจะยังไม่ได้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ชัดเจน โดยเป็นเพียงแค่การแสดงเจตจำนงในการเข้ามาสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา ธุรกิจขนาดเล็ก และคนรุ่นใหม่ ๆ ให้มีศักยภาพและเกิดความยั่งยืน รวมถึงการสร้างอนาคต และโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ผู้บริโภคทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุด นั่นเพราะอาลีบาบาบาเชื่อถ้าธุรกิจขนาดเล็กเติบโตได้ อาลีบาบาก็เติบโตได้ด้วย

อาลีบาบา รัฐบาลไทย แจ็คหม่า

“สิ่งสำคัญที่เราให้ความสำคัญคือ วิสัยทัศน์ต่ออนาคตและนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดย่อมและคนรุ่นใหม่ให้เติบโต รวมทั้งคำมั่นระยะยาวของรัฐบาลที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและเงินก็ซื้อไม่ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะไม่ใช่แค่ win-win แต่จะเป็น win-win และ win คือ ผู้บริโภค, พาร์ทเนอร์ และ อาลีบาบา”

ส่วนเหตุผลที่เพิ่งตัดสินใจเข้ามาปักหมุดในไทยนั้น แจ๊ค หม่า ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งกลุ่มอาลีบาบา อธิบายให้ฟังว่า เพราะเชื่อว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยมีสัญญาณ 2-3 เรื่องคือ จีนกำลังก้าวสู่การเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยการขยายตัวของกำลังซื้อของคนชั้นกลางที่มีจำนวนกว่า 300 ล้านคนในปัจจุบัน ประกอบกับนโยบายเปิดการค้าเสรีของจีน ที่ประเทศต่าง ๆ จะใช้โอกาสนี้ในการส่งสินค้าไปยังตลาดจีน

อีกทั้งผลิตผลทางการเกษตรของไทย ทั้งข้าวหอมมะลิ ทุเรียน หรือผลไม้ต่าง ๆ เป็นสินค้าที่ชาวจีนชื่นชอบ ขณะเดียวกันไทยเองก็มีจุดแข็งในเรื่องการทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม ผนวกกับนโยบายประเทศไทย 4.0 จึงทำให้มั่นใจในศักยภาพการเติบโต

เช่นเดียวกับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่มองว่า อาลีบาบามาถูกจังหวะเวลาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ทำให้การปฏิรูปเป็นไปได้เพราะประชาชนเริ่มมีเงินในกระเป๋า รวมถึงการที่ไทยกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านธุรกิจเอสเอ็มอีไปสู่ยุคดิจิทัลจากเทคโนโลยีในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังเดินหน้าปฏิรูปเกษตรกรและการท่องเที่ยวให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสร้าง Business Model ใหม่ ๆ เข้าไปขายในตลาดโลก

อาลีบาบา รัฐบาลไทย แจ็คหม่า

อาลีบาบา รัฐบาลไทย แจ็คหม่า

รัฐบาลไทย จับมือ แจ็ค หม่า คนไทยได้อะไร?
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือจำนวน 4 ฉบับกับอาลีบาบา ซึ่งจะให้เกิดความร่วมมือใน 4 ด้าน ดังนี้

1.ความร่วมมือในด้านการค้าการลงทุนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ระหว่างสำนักงาน EEC และ Alibaba.com Singapore e-Commerce Private Limited ผ่านโครงการลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ในพื้นที่ EEC โดยศูนย์นี้จะอาศัยเทคโนโลยีระดับโลกของอาลีบาบาในด้านการประมวลข้อมูลโลจิสติกส์เพื่อสร้างความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และการส่งสินค้าไปยังที่อื่นทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการประสานกับกรมศุลกากรในการยกระดับพิธีการทางศุลกากรให้เป็นระบบดิจิทัลด้วย

“การจัดตั้งศูนย์ Smart Digital Hub นี้จะช่วยผลักดันให้เหล่าธุรกิจ Startup และ SME ไทยสามารถพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลให้เข้าถึงตลาดทั่วโลกได้ รวมถึงจะเป็นศูนย์กลางการในการดำเนินกิจกรรมวิจัยพัฒนาดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงาน EEC จะเชื่อมประสาน Smart Digital Hub กับ เขตนวัตกรรมดิจิทัล หรือดิจิทัลพาร์ค (EECd) และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) ด้วย”

2. ความร่วมมือด้านการลงทุน Smart Digital Hub ในพื้นที่ EEC ระหว่างสำนักงาน EEC กรมศุลกากร และบริษัท Cainiao Smart Logistics Network Hong Kong Limited

3. ความร่วมมือด้านการพัฒนาเอสเอ็มอีและบุคลากรด้านดิจิทัลระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ Alibaba Business School โดยอาลีบาบาจะร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเน้นให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจ ได้เรียนรู้และเสริมทักษะการใช้เทคโนโลยีไทยให้สามารถเข้าถึง Regional Global Value Chain

นอกจากนี้ ยังจะร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนากลุ่มคนเก่งหรือดาวเด่นด้านดิจิทัล (Digital Talent) ซึ่งอาลีบาบาได้เสนอให้วิทยาลัยธุรกิจอาลีบาบา หรือ Alibaba Business School (ABS) มาร่วมสนับสนุนการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยจะเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน ทั้งนี้ ภายใต้โครงการนี้ อาลีบาบาจะเปิดโอกาสให้นักศึกษา นักวิจัย อาจารย์ รวมถึงผู้ประกอบการไทย ไปร่วมเข้าโครงการฝึกอบรมพัฒนาในด้านดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซให้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งสร้างเครือข่าย (Networking) กับดาวเด่นหรือ Talents ทั่วโลกที่ประเทศจีนอีกด้วย

4. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวผ่านดิจิทัลและการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัท Zhejiang Fliggy Network Technology Company Limited ในการจัดทำThailand Tourism Platform สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ เพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเมืองรองและสินค้าชุมชน สำหรับเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในไทยให้รองรับกับยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวในระดับชุมชนของรัฐบาล

 

อาลีบาบา รัฐบาลไทย แจ็คหม่า

 

มาพร้อมความหวัง ต่างกันที่เป้าหมาย
สำหรับจุดเริ่มต้นความร่วมมือของอาลีบาบาและรัฐบาลไทยนั่น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2559 กระทั่งนำมาสู่การลงนามความร่วมมือในวันนี้ ซึ่งความสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ใช่แค่การเข้ามาช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เกษตรกร และการท่องเที่ยวไทยรู้จักที่จะนำเทคโนโลยีมาเพิ่มศักยภาพการทำตลาดและการขายให้เติบโตในโลกยุคใหม่มากขึ้นเท่านั้น

แต่หากเจาะลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว ยังจะส่งผลไปถึงความต้องการที่จะผลักดันแผนการพัฒนาอีอีซี ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศให้สามารถแจ้งเกิดด้วย เพื่อที่จะดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ ให้เข้าในไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ไทยก็จะไม่มีจุดแข็งในการสร้างความมั่งคั่ง ยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ และตกขบวนในที่สุด

ในขณะที่ แจ๊ค หม่า ก็มองว่า จุดแข็งอีคอมเมิร์ซที่อาลีบาบามีจะเป็นโอกาสสำหรับอาลีบาบา กรุ๊ปในการขยายตลาดออกนอกประเทศ โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย เพราะเขามองว่าหากไม่สามารถประสบความสำเร็จในตลาดเอเชียได้ ก็ยากที่จะประสบความสำร็จในตลาดอื่นโดยเฉพาะอเมริกาได้เช่นกัน

ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้งรัฐบาลไทยและอาลีบาบาจึงมาพร้อมกับความหวัง หากแต่ด้วยเป้าหมายที่ต่างกัน ซึ่งท้ายสุดแล้วจะสามารถขับเคลื่อนออกมาเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิผลอย่างที่วางเป้าหมายไว้หรือไม่ คงต้องจับตาดูกันต่อไป

อาลีบาบา รัฐบาลไทย แจ็คหม่า