คอนโดมีเนียมริมน้ำ

ยุคทองของอสังหาฯ ลักชัวรี่ริมน้ำ

ยุคทองของอสังหาฯ ลักชัวรี่ริมน้ำ

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดคอนโดมีเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยานับเป็นเซ็กเม้นต์ที่มาแรงและน่าจับตามองอย่างมาก เพราะมีการเติบโตสวนทางกับตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 15% ต่อปี และตั้งแต่ปี 2555 มาจนถึงปัจจุบัน มีการเติบโตอยู่ที่ 85% ทีเดียว ขณะที่ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตเพียงประมาณ 5-10 % เท่านั้น

อะไรที่ทำให้ตลาดคอนโดมีเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาเติบโตรวดเร็ว ไปฟังคำตอบจาก “โจนส์ แลง” และ “ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา” กันให้ชัด พร้อมเผยเทรนด์ทำเลสุดฮอตริน้ำเจ้าพระยาที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป

แม้ปัจจุบันตลาดคอนโดมีเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีขนาดเล็กมาก เนื่องจากเป็นตลาด Niche Market ซึ่งหากเทียบ Demand กับคอนโดมีเนียมในย่าน CBD แล้ว ย่อมสู้ไม่ได้แน่นอน แต่ก็เป็นเซ็กเม้นต์ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาคอนโดมีเนียมลักชัวรี่ริมแม่น้ำ

คอนโดมีเนียมริมแม่น้ำ

จากข้อมูลพบว่า ภาพรวมของคอนโดมีเนียมลักซัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ในกรุงเทพฯ มีจำนวนรวม 17,200 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 3% ของจำนวนยูนิตห้องชุดในกรุงเทพฯ โดยเป็นคอนโดมีเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 2,600 ยูนิต หรือคิดเป็นสัดส่วน 15% ของตลาดลักเซอรี่คอนโด

และหากพิจารณาถึงอัตราการขายคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ริมแม่น้ำถือว่าค่อนข้างดีมาก โดยคอนโดระหว่างสร้างมีอัตราการขายประมาณ 80% ส่วนโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่มีอัตราการขายอยู่ที่ 95% ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของคอนโดมีเนียมริมแม่น้ำตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พบด้วยว่า มีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 80% โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 246,000 บาท/ตารางเมตร หากเทียบกับคอนโดลักชัวรี่ในย่าน CBD ราคาคอนโดมีเนียมลักชัวรี่ริมแม่น้ำจะสูงกว่า 15% และในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเชื่อว่า ราคาของตลาดคอนโดมีเนียมลักชัวรี่ริมแม่น้ำจะขยับตัวสูงขึ้นอีก 10-20%

คอนโดมีเนียมริมแม่น้ำ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้คอนโดมีเนียมลักชัวรี่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับความนิยมและมีการเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น สุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) อธิบายให้ฟังว่า มาจากข้อจำกัดในการพัฒนาโครงการ ทั้งจากที่ดินริมน้ำที่เริ่มหาได้ยากและกฎหมายผังเมืองที่จำกัดให้ในช่วงระยะ 45 เมตรแรกจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาห้ามสร้างอาคารสูง ทำให้ต้องใช้ที่ดินอย่างน้อย 5 ไร่ อีกทั้งที่ผ่านมารูปแบบการพัฒนาส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม 5 ดาวหรือระดับไฮเอนด์ ยังไม่มีโครงการระดับลักชัวรี่ในตลาดมากนัก รวมถึง Supply ที่มีจำกัด โดยในปีนี้ยังไม่มีโครงการคอนโดมีเนียมริมแม่น้ำเปิดตัวใหม่ในตลาด

โดยทำเลในการพัฒนาคอนโดมีเนียมริมน้ำสุดฮิตในปัจจุบันนั้น ยังคงยกให้กับ 3 ทำเลคือ เจริญกรุง เจริญนคร และพระราม 3 แต่อนาคตเชื่อว่า ‘พระราม 3’ จะกลายเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากที่ดินบนถนนเจริญกรุงและเจริญนครค่อนข้างหายาก

เมื่อหันกลับมาส่องพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มนี้ สุพินท์ย้ำว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของธุรกิจซึ่งชื่อชอบวถีชีวิตริมน้ำ ดังนั้นจึงเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และเป็นโปรไฟล์ให้กับผู้ซื้อเอง พร้อมยอมรับว่าแม้ Demand ตลาดกลุ่มนี้จะมีจำกัด แต่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการที่ชัดเจน

คอนโดมีเนียมริมแม่น้ำ

คอนโดมีเนียมริมแม่น้ำ

สอดคล้องกับ เดชา ตั้งสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม่น้ำ เรสซิเดนท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการแม่น้ำ เรสซิเดนท์ ที่มองว่า ในอดีตเมื่อพูดถึงทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา คนส่วนใหญ่จะมองเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยว แต่เมื่อรูปแบบการท่องเที่ยวพัฒนามากขึ้น อีกทั้งมีการขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนครอบคลุมมากขึ้น ทำให้การพัฒนาพื้นที่ริมน้ำพลิกโฉมไปอย่างมาก จากเดิมที่เป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกลายมาเป็นการท่องเที่ยวเชิงสังคม และส่งผลให้ความต้องการคอนโดมีเนียมริมแม่น้ำได้รับความนิยมสูงขึ้น

สะท้อนได้จากโครงการแม่น้ำ เรสซิเดนท์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เปิดตัวโครงการมาตั้งแต่ปี 2556 โดยทำเลอยู่ติดกับโรงแรมแม่น้ำ รามาดา พลาซ่า จำนวนห้องชุด 294 ยูนิต และเปิดให้เข้าอยู่มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปัจจุบันเหลือขายเพียง 26 ยูนิต หรือประมาณ 10% โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวไทย 90% และที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน

คอนโดมีเนียมริมแม่น้ำ
เดชา ตั้งสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม่น้ำ เรสซิเดนท์ จำกัด

“ที่ผ่านมาเราโฟกัสกลุ่มลูกค้าชาวไทย เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาลูกค้าต่างชาติชื่นชอบคอนโดในย่านสุขุมวิทมากกว่า แต่ระยะหลังลูกค้าเริ่มเข้าใจวิถีชีวิตริมน้ำ จึงหันมาเลือกซื้อคอนโดริมแม่น้ำมากขึ้น ทำให้ปีนี้เราจะเริ่มหันมาเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติกมากขึ้น”

เดชา ยังมั่นใจด้วยว่า จากแนวโน้มความต้องการของตลาดคอนโดมีเนียมลักชัวรี่ริมน้ำที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ผนวกกับการวางจุดขายที่แตกต่างโดยเน้น Friendly Design และมีการปรับกลยุทธ์การขายใหม่ โดยใช้ Direct Marketing พร้อมจัดให้ลูกค้าเข้ามาชมห้องตัวอย่าง จะสามารถปิดการขายภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน

พร้อมกันนี้ในปี 2662 ยังมีแผนที่จะพัฒนาโรงแรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 15 ชั้น บริเวณด้านหน้าโรงแรมแม่น้ำ รวมถึงรุกพัฒนาโครงการ Mix Used ที่เกาะสมุยในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วย