ศักราชใหม่ ฉางชุน เมืองแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์

ฉางชุน เมืองแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์และฐานอุตสาหกรรมเก่าแก่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เปิดศักราชใหม่อย่างสดใสด้วยแรงสนับสนุนจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจอันหลากหลายในปีนี้

โดยในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของเมืองฉางชุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 30.3% ส่วนมูลค่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเพิ่มขึ้น 11.3% ทั้งนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้น การที่เมืองฉางชุนเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน กลไกการบริหารจัดการ รวมถึงมีการจัดสรรการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆใหม่นั้น ได้แสดงให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมในบรรยากาศใหม่ ซึ่งมีศักยภาพและสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนที่ดีขึ้น อันเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอีกสองปีข้างหน้า

เมืองฉางชุนมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง จากการทำอุตสาหกรรมยานยนต์เพียงอย่างเดียว สู่การทำอุตสาหกรรมที่หลากหลายและการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกรูปแบบ นอกจากนี้ การที่เมืองฉางชุนมีแผนสร้างอุตสาหกรรมเกิดใหม่มูลค่า 6 พันล้านหยวน จะเป็นอีกแรงที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรมจะค่อยๆ มีสัดส่วนมากขึ้นในเศรษฐกิจโดยรวม โดยอุตสาหกรรมดังกล่าวประกอบด้วยการผลิตอุปกรณ์ขั้นสูง ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ ชีววิทยาและเภสัชกรรม ยานยนต์พลังงานใหม่ วัสดุใหม่ๆ และบิ๊กดาต้า

ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการผลิตของอุตสาหกรรมยา อาหาร และพลังงานใหม่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.3%, 13.2% และ 6.8% ตามลำดับ ซึ่งเป็นแรงผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนในปี 2559 อุตสาหกรรมเกิดใหม่ 6 ประเภทของเมืองฉางชุนมีมูลค่าการผลิตรวมกัน 1.6633 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ การสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจของเมืองฉางชุนก็ค่อยๆได้รับแรงหนุนมากขึ้น ขณะที่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอุตสาหกรรมก็มีความชัดเจนมากขึ้น

เพื่อปรับตัวให้เข้ากับทิศทางใหม่นี้ ทุกหน่วยงานของเทศบาลเมืองฉางชุนต่างตื่นตัวอย่างมากและมุ่งความสนใจไปที่การส่งเสริมการพัฒนาเป็นสำคัญ โดยหน่วยงานต่างๆ ได้พัฒนาแผนงานเพื่อช่วยเหลือบรรดาวิสาหกิจในการเริ่มต้นธุรกิจ ยื่นเอกสาร รวมถึงงานอื่นๆ นอกจากนี้ ในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา เมืองฉางชุนได้เดินหน้าโครงการก่อสร้าง การขุดเจาะดิน และการคมนาคมตามปกติ โดยไม่ให้สภาพอากาศที่หนาวเย็นมาเป็นอุปสรรค ผิดกับแต่ก่อนที่โครงการก่อสร้างจะต้องหยุดชะงักลงในช่วงเวลานี้

นอกจากนี้ เมืองฉางชุนยังเปลี่ยนแปลงวิธีการอนุมัติโครงการก่อสร้าง จากเดิมที่ต้องยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 13 หน่วยงาน เหลือเพียงหน่วยงานหลักเพียงแห่งเดียว โดยมีการเดินเรื่องหลายๆ ส่วนควบคู่กันไป และมีการกำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน การตรวจสอบพื้นที่ก็ลดลงจาก 18 ครั้ง เหลือเพียง 2 ครั้ง ส่วนเอกสารหลักฐานการขออนุญาตก่อสร้างก็ลดลงจาก 78 ฉบับ เหลือเพียง 21 ฉบับ และระยะเวลาในการอนุมัติก็ลดลงจาก 302 วันทำการ เหลือเพียง 51 วันทำการ ซึ่งล้วนสร้างความสะดวกสบายให้แก่บริษัทผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น เมืองฉางชุนยังโปรโมทการปฏิรูประบบการค้า ด้วยการผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการลงทะเบียนผู้อยู่อาศัย รวมทั้งปฏิรูประบบการลงทะเบียนให้เป็นแบบ “Five Certificates in One” และ “One Certificate One Code” ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการเข้าถึงตลาด ส่งผลให้ภาคเอกชนได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยดึงดูดบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานด้วย ทั้งนี้ ในปีที่แล้วเมืองฉางชุนลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (ไม่รวมเกษตรกรรม) ทั้งสิ้น 4.659 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10.5% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศถึง 2.4%

นอกจากนี้ เมืองฉางชุนยังติดตามวัดผลการปฏิรูปอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การประเมินประสิทธิภาพไปจนถึงการกำกับดูแลการดำเนินงาน ทั้งเนื้อหาการเมืองในโทรทัศน์ การรับมือกับการไม่ปฏิบัติตาม ตลอดจนการสร้างเกราะป้องกันให้แก่การพัฒนา เพื่อหลีกเลี่ยงประโยชน์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวจากการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและไร้ความรับผิดชอบ และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาในระยะยาว