เมื่อตลาดปิ้งย่างในไทยไม่หอมหวน AKA ขอลุยต่างประเทศ

เมื่อตลาดปิ้งย่างในไทยไม่หอมหวน AKA ขอลุยต่างประเทศ

ตลาดอาหารปิ้งย่างในเมืองไทยที่มีมูลค่า 7,000 ล้านบาท ดูจะเล็กเกินไปสำหรับแบรนด์ “AKA” ซะแล้ว เพราะหลังจากรุกตลาดในเมืองไทยมา 10 ปี จนประสบความสำเร็จด้วยการครองส่วนแบ่งตลาด 30% ทว่าวันนี้ AKA ยังคงไม่หยุดนิ่ง โดยขอรุกคืบไปอีกสเต็ป ด้วยการเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับ AKA อย่างแข็งแกร่งต่อไป

หากเอ่ยถึงกลุ่มบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจด้านร้านอาหารในเมืองไทย ต้องมีชื่อของ “เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป” ติดโผในใจผู้บริโภคเป็นลำดับต้น ๆ อย่างแน่นอน โดยปัจจุบันเครือเซ็น กรุ๊ป มีธุรกิจร้านอาหารทั้งหมด 12 แบรนด์ และ “AKA” เป็นร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ยากินิคุที่สามารถสร้างรายได้เป็นอันดับ 2 ให้กับเซ็น กรุ๊ป รองจากร้านอาหารญี่ปุ่นอย่าง ZEN

ขณะที่ตลาดอาหารปิ้งย่าง แม้ “AKA” จะเป็นแบรนด์ผู้มาทีหลัง แต่มีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี ๆ ละ 10% และปัจจุบันสามารถรุกคืบเข้าไปครองความเป็นผู้นำตลาดกลุ่มพรีเมียม โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 30% จากตลาดรวมพรีเมียมที่มีมูลค่า 1,500-2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

สำหรับปัจจัยที่สร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ AKA ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการแข่งขันที่ร้อนระอุนั้น ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจแบรนด์ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด อธิบายให้ฟังว่า เกิดจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน

1. Product Innovation ที่มีคุณภาพและหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

2. Customer Experience มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า

3. ความคุ้มค่า ซึ่งในที่นี้อาจไม่ใช่ราคาถูกสุดแต่หมายถึงของวัตถุดิบดีมีคุณภาพ

“ก่อนหน้านี้ตลาดปิ้งย่างในไทยมีการเติบโตปีละ 7-8% แต่ปีนี้ภาพรวมตลาดคงเติบโตไม่มากราว 3-5% เนื่องจากตลาดอาหารปิ้งย่างไม่ได้เติบโตรวดเร็วเหมือนอาหารญี่ปุ่น ขณะที่การแข่งขันด้วยราคาจะเริ่มลดลง เป็นช่วงของแบรนด์ที่แข็งแกร่งก็อยู่รอด” ธันยเชษฐ์ ย้ำถึงความท้าทายในการทำตลาดอาหารปิ้งย่างในเมืองไทยปัจจุบัน”

เมื่อสภาพตลาดเป็นเช่นนี้ ทำให้ทิศทางการทำตลาดต่อจากนี้ไปของ AKA จึงมีแผนที่จะรุกขยายตลาดไปยังต่างประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์ คาดว่าในปีหน้าจะเห็นความชัดเจน โดยในเบื้องต้นมีผู้สนใจจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา, สปป. ลาว และมาเลเซีย เริ่มติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว โดยตั้งเป้าในปี 2565 จะมีสาขาทั้งในและต่างประเทศ 25-30 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาในประเทศ 15 สาขา

ส่วนตลาดในเมืองไทยนั้น จากนี้ไป AKA จะมุ่งรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดปิ้งย่างกลุ่มพรีเมียม ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสร้างประสบการณ์ลูกค้าในการรับประทานอาหารปิ้งย่างมากขึ้น โดยล่าสุดได้ปรับระบบ POS ใหม่เพื่อให้สามารถบันทึกพฤติกรรมลูกค้าได้ทุกครั้งและทุกสาขา