ประตูแห่งโอกาส 2022 เอกา โกลบอล ปักหมุดผลิตภัณฑ์สีเขียว รายได้โตกว่า 30%

ประสบความสำเร็จอย่างงดงามสำหรับ เอกา โกลบอล ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ของไทย หลังปีที่ผ่านมา มีรายได้ 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ทำรายได้ 1,000 ล้านบาท

เหตุผลสำคัญที่ทำให้เอกา โกลบอล ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ของไทย มีผลประกอบการที่ดี มาจากการรุกเข้าเทกโอเวอร์โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารในจีน-อินเดีย เมื่อปีที่ผ่านมา จนส่งทำให้รายได้ของบริษัท ฯ เพิ่มเป็น 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ทำรายได้ 1,000 ล้านบาท

ชัยวัฒน์ นันทิรุจ CEO หนุ่มวัย 45 ปี ที่บอกกับ Business+ ถึงโจทย์ท้าทายในปี 2565 ว่า เขาเตรียมขยายธุรกิจจากบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ไปสู่ Green Product ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อรองรับกับเทรนด์ผู้บริโภคทั่วโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะมียอดขายแตะ 3,000 ล้านบาท เติบโตเท่าตัว

 

แสวงหาโอกาสจากนักบุกเบิก
คำกล่าวของชัยวัฒน์ ดูจะมั่นใจในแผนเชิงรุกของบริษัท ฯ ที่มองตลาดบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียปี 2564 เติบโตสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก ที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 30-35% ต่อปี โดยเฉพาะกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) ที่เห็นการเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจัยการระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค และต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยด้านอาหารและสุขอนามัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา อาทิ อินเดีย อินโดนีเซีย และบราซิล เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัท ฯ ลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานที่ประเทศไทย นับเป็นไลน์การผลิตใหม่ ลำดับที่ 10 มีกำลังการผลิตกว่า 350 ล้านชิ้นต่อปี หรือเพิ่มขึ้นอีก 15% จากกำลังการผลิตเดิม 2,500 ล้านชิ้นต่อปี มาอยู่ที่ 2,850 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดภูมิภาคเชียและทั่วโลก โดยกำลังการผลิตใหม่ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จ พร้อมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์แล้วในเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัท ฯ ยังเตรียมขยายการลงทุนในประเทศอินเดียมากขึ้น โดยในปี 2565 เตรียมตั้งโรงงานใหม่ที่อินดีย 1 แห่ง ในเมือง PUNE โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

“ตลาดอินเดีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในมิติของขนาดตลาดอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก และอินเดียมีจำนวนประชากรสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีทรัพยากรด้านอาหารที่สมบูรณ์ ขณะที่เศรษฐกิจของอินเดีย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรายได้เฉลี่ยของประชากรสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทางด้านความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในอินเดีย ก็เติบโตมากขึ้นทุก ๆ ปี “อินเดีย” จึงเป็นประเทศเป้าหมายในการขยายธุรกิจของเอกา โกลบอล”

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า “เอกา โกลบอล” ตั้งเป้าเติบโตเท่าตัว ภายใน 5 ปี จะมียอดขายเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะเป็น Top 5 ของบริษัทผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารของโลก ขณะเดียวกันบริษัท ฯ ยังมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบบครบวงจร 360 องศา ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร (Sustainable Growth) ในระยะยาว

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “กรีนโปรดักส์” อย่างจริงจัง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย

  1. บรรจุภัณฑ์ประเภท Bioplastic (PLA) ผลิตจากวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น มันสัมปะหลัง ข้าวโพด หรือ อ้อย เป็นต้น
  2. บรรจุภัณฑ์ประเภท Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และ
  3. บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล ฯลฯ

ถึงตรงนี้เราจะเห็นว่า ก้าวต่อไปของ “เอกา โกลบอล” มองไกลจับเทรนด์ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้บริโภคต้องสัมผัสใกล้ชิดในชีวิตประจำวัน ซึ่งว่ากันว่า ทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อ
แบรนด์สินค้าและบริการสีเขียวก่อเป็นกำลังซื้อที่มีมูลค่าและขนาดตลาดมหาศาล ดังนั้น หากสินค้าหรือบริการใดที่นำเสนอจุดขายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ก็มีโอกาสด้านการขายมากขึ้นไปด้วย

กรณีของ “เอกา โกลบอล” ก็เช่นกัน กับเป้าหมายที่มองไว้ ภายใน 5 ปีจะมียอดขายเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท และตั้งเป้าจะเป็น Top 5 ของบริษัทผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารของโลก บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเป็น สปริงบอร์ด แน่นอน