นาโต้ เสือกระดาษไร้น้ำยา รัสเซีย-จีน พันธมิตรโคตรแกร่ง

หลังจากแซงก์ชั่น ยึดทรัพย์ไปครึ่งหนึ่งของจำนวน 630,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรอง พร้อมตัดธนาคารกลางรัสเซียออกจากระบบ SWIFT เพื่อบล็อกการเข้าถึงดอลลาร์สหรัฐแล้ว ล่าสุดเมื่อคืนก็บังคับห้ามชาติพันธมิตรของตัวเองซื้อทองคำของรัสเซียด้วย เรียกว่ามีอะไรพอจะทำได้นาทีนี้สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และกลุ่มพันธมิตรเอาหมด ล่าสุดเมื่อคืนในการประชุมพิเศษของกลุ่ม NATO และกลุ่มผู้ในประเทศ G7 ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ดูเหมือนจะเริ่มหมดมุกกัน เพราะนอกจากคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะเพิ่มกำลังเข้าไปช่วยยูเครนให้นายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครนแล้ว ที่เหลือก็ดูจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศจีนเป็นพิเศษ

โดยทางนายมารีโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ออกมาประสานเสียงร่วมกันผู้นำคนอื่น ๆ ในทำนองเดียวกันว่า ประเทศจีนนั้นสำคัญเป็นอย่างมากต่อกระบวนการสันติภาพ เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ ก็บอกว่า จีนเป็นผู้เล่นคนสำคัญ พวกเราต้องทำให้แน่ใจว่าจีนอยู่ข้างที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์และสงครามนี้ และผู้นำฝรั่งเศสอย่างนายเอ็มมานูเอล มาครอง ก็บอกว่าจีนนั้นมีพันธสัญญาที่จะต้องโน้มน้าวให้รัสเซียหยุดสงครามในครั้งนี้ ตอนนี้ดูเหมือนเป้าหมายของกลุ่มแองโกลแซกซอนบวกยิวจะมุ่งไปที่ทำให้จีนและรัสเซียแตกแยกกันให้ได้ ซึ่งดูจะยากหน่อยเพราะต้องไม่ลืมว่าสองชาตินี้เข้าซี้ย่ำปึ้กกันขนาดไหน เพราะท่านปูตินเดินทางไปสบตากับท่านสี จิ้นผิง ที่งานโอลิมปิกส์มาแล้วเพื่อสื่อสารว่าผมพร้อมจะลุยแล้วนะ ได้เวลาทำงานของเรากันแล้วหลังจากนี้ หลังจากนั้นปฏิบัติการทุกอย่างก็เริ่มขึ้น

โดยสัญญาณความเหนียวแน่นของทั้งคู่มีมาอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากการที่กลุ่ม NATO แซงก์ชั่นรัสเซียในมิติทางเศรษฐกิจ เช่น จะไม่ซื้อก๊าซของรัสเซียสิ่งที่ตามก็คือรัสเซียขายให้จีนแทน หรือการที่ Visa และ Mastercard ตัดรัสเซียออกจากระบบการชำระเงินของพวกเขา รัสเซียก็ได้ UnionPay ของจีนเข้าแทนที่และตรงนี้เท่ากับเปิดโอกาสในการสนับสนุนให้หยวนเติบโตขึ้นมา และลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐลงไปโดยตัวมันเอง และปัญหาเหล่านี้ก็ย้อนกลับไปทำลายคนสร้างปัญหาซะเอง เพราะอย่างในกรณีด้านพลังงานการไม่ซื้อพลังงานรัสเซียซึ่งมีราคาถูกมากก็เท่ากับต้นทุนทุกอย่างของอุตสาหกรรมและค่าครองชีพประชาชนในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนีและอิตาลีจะพุ่งสูงมาก

โดยในแถลงการณ์ครั้งนี้นอกจากทางนายเย็นส์ สต็อลเตินบาร์ก เลขาธิการนาโต้ จะบอกว่า ประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิมีร์ ปูตินได้ทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่มากลงไป ทางประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกาก็บอกถ้ารัสเซียใช้อาวุธเคมีและชีวภาพ NATO จะไม่นิ่งเฉย ถ้าเราย้อนกลับดูนับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกตะลุยเข้ายูเครน รัสเซียใช้ยุทธวิธีแบบโจมตีเฉพาะจุดโดยมุ่งเน้นไปที่การทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารเท่านั้น และได้มุ่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะต้องไม่ลืมว่าพวกเขาเป็นประเทศที่ใกล้ชิดกันการใช้ความรุนแรงมากเกินไปก็มีแต่จะทำให้ปกครองยากและสร้างความขัดแย้งในอนาคตซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรกับรัสเซียเลย โดยข่าวส่วนใหญ่ตามสื่อยังคงรายงานเหมือนกับว่ารัสเซียลำบากในยูเครนดูยากจะจบได้โดยเร็ว แต่ในความเป็นจริงรัสเซียคลุมสถานการณ์ได้เกือบหมดแล้ว เมืองเคียฟ ก็ถูกล้อมเอาไว้แล้ว น่านฟ้าก็ถูกควบคุมอย่างเด็ดขาดโดยรัสเซียแล้วเช่นกัน

จริงแล้ว ๆ การที่กลุ่ม NATO เที่ยวไปสอนคนอื่นในเรื่องสันติภาพนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะกับจีนที่พวกเขาเคยเอาเครื่องบินไปถล่มสถานทูตจีนในกรุงเบลเกรด ประเทศยูโกสลาเวียเมื่อ 23 ปีก่อนจนมีนักข่าวของจีนเสียชีวิต (ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศเซอร์เบีย) เพราะฉะนั้นการดิ้นรนอย่างหนักของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และพันธมิตรในทางอ้อมที่ไม่ยอมปะทะตรงกับรัสเซียก็เหมือนเป็นการบอกว่า พวกเขาสู้แสงยานุภาพของรัสเซียไม่ไหวนั่นเอง โดยนายดมีตรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ได้บอกว่าวันเวลาของการมีมหาอำนาจแบบขั้วเดียวได้จบลงแล้ว (the Americans are no longer the masters of planet Earth) พร้อมเพิ่มเติมว่า ความเจ้าเล่ห์ผ่านฟันขาวพร้อมรอยยิ้มของนักการเมืองทั้งหลายและนักการทูตซึ่งพูดสิ่งหนึ่งและทำอีกอย่างที่แตกต่างออกไปคือปัญหาที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มา 30 ปีแล้ว

เขียนและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ติดตาม Business+ ได้ที่ https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #NATO #ธนาคารกลางรัสเซีย #รัสเซียยูเครน #เศรษฐกิจรัสเซีย #รูเบิล #ปูติน #สงครามยูเครน #เมดเวเดฟ