จีน จะเป็นประเทศที่สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 21
จีน จะเป็นประเทศที่สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 21

จีน จะเป็นประเทศที่สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 21 นักลงทุนชื่อดัง จิม โรเจอร์ส มองระยะยาวแซง สหรัฐ

ท่ามกลางการจัดระเบียบจากภาครัฐที่นำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนและนักธุรกิจทั่วโลกหลายคนรู้สึกว่านี้คือช่วงเวลาที่น่ากลัวและยุ่งยากครั้งหนึ่งในชีวิตและอาจจะประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของจีนและโลกเลยทีเดียว

วันนี้เราจะพามาฟังความเห็นของคุณจิม โรเจอร์ส (Jim Rogers) นักลงทุนระดับตำนาน ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานของบริษัท Beeland Interests Inc. และเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Quantum Fund และ Soros Fund Management พูดถึงมุมมองของเขาต่อสถานการณ์ตลาดทุนในจีนตอนนี้และอนาคตผ่าน เว็บไซต์ของจีนอย่าง Globaltimes กันสักหน่อย

คุณจิม โรเจอร์ส เผยว่า ตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางทีสิ่งที่แตกต่างอย่างแน่นอนคือ ความเห็น ทุกวันมีคนซื้อและมีบางคนที่ขายไม่สำคัญเลยว่าตลาดจะเป็นอย่างไร เอาจริง ๆ คือผมไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร แต่โดยส่วนตัวผมยังมองในแง่ดีสำหรับโอกาสตลาดในประเทศจีน

สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ การตัดสินใจจากสถานการณ์ปัจจุบันภายในตลาดการเงินระหว่างระหว่างประเทศ พร้อมกับปริมาณหนี้สินอันมหาศาลซึ่งอยู่ในรูปแบบที่มีความเสี่ยงสูงจากผลของความโหดร้ายของการระบาด แต่สินทรัพย์ทางการเงินในจีนตอนนี้ถือว่ามีความอันตรายน้อยสำหรับการลงทุน

หากมองไปที่เหล่าธนาคารกลางชั้นนำของโลกที่นำโดยธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) และแม้กระทั่งธนาคารกลางแห่งชาติญี่ปุ่น (BOJ) เองก็ได้พิมพ์เงินในระดับประวัติศาสตร์แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และยอมแลกมากับภาระอันหนักหน่วงของหนี้สินก้อนใหญ่ซึ่งจะเป็นภาระทางเศรษฐกิจต่อไป ในเวลาเดียวกันซึ่งปะทุตามขึ้นมาก็คือ ฟองสบู่ขนาดยักษ์ ไล่ตั้งแต่ ตลาดหุ้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และตลาดพันธบัตร ตลอดทั่วทั้งประวัติศาสตร์ การขยายตัวของหนี้จะนำไปสู่ปัญหามากมายในที่สุดเสมอ ในปี 2008 พวกเรามีปัญหาตลาดหุ้นจากการมีหนี้สินมากเกินไป แต่ตอนนี้ระดับของหนี้สินทั่วโลกพุ่งขึ้นมากกว่าตอนนั้นไปแล้วในขณะนี้

ในปี 2009 ประเทศจีนได้ช่วยประคองเศรษฐกิจโลกเอาไว้ได้มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลก เพราะมีเงินเก็บจำนวนมากสำหรับรองรับในวันที่อะไร ๆ ไม่เป็นใจให้พวกเขา ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีหนี้สินมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก จีนมีนโยบายการเงินที่สุขุมรอบคอบและบริหารจัดการเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในเกณฑ์ที่ดีหลังการระบาดอย่างรวดเร็วอยู่ภายใต้การควบคุม สำหรับผมแล้วที่นี่คือสถานที่ที่แย่น้อยที่สุดสำหรับการลงทุนในตอนนี้

เรื่องที่สอง คือ การเปิดประตูมากกว่าสี่ทศวรรษของจีนนั้นดีกับทั้งตัวจีนเองและโลกใบนี้ ขณะที่ตอนนี้นักลงทุนจำนวนมากก็เข้ามามีส่วนร่วมในตลาดทุนจีนมาหลายทศวรรษแล้ว สิ่งที่น่าประทับใจ คือ ฉันเป็นพยานได้ว่าประเทศจีนตอนนี้กำลังจะเปิดประตูตลาดทุนของตัวเอง ขณะที่ประเทศจีนกำลังดำเนินการทยอยเปิดประตู โดยเฉพาะกับภาคการเงิน นี่จะเป็นการง่ายมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่จะลงทุนในตลาดของพวกเขา สำหรับนักลทุนที่สนใจตอนนี้ทางเลือกมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้นผ่านตลาดของฮ่องกงอย่าง (HANGSENG) หรือตลาดหุ้นของจีนเองเลย รวมไปถึงพันธบัตรและสกุลเงินของพวกเขาด้วย

ตรงกันข้ามกับสหรัฐอเมริกาในตอนนี้ที่กำลังปิดกั้นมากขึ้น มันคือแนวโน้มความกังวลเพราะการเปิดตลาดทั้งหลายและการเปิดสังคมเป็นสิ่งที่ดีเสมอผ่านทั่วทั้งประวัติศาสตร์ การปิดกั้นการค้านั้นไม่มีวันจะดี ผมได้แต่หวังว่าประเทศจีนจะไม่เลียนแบบสหรัฐ และดำเนินการเปิดประเทศต่อไป การเปิดให้มีการค้ามากขึ้นในระหว่างประเทศ รวมไปถึงการค้าชิปเซ็ต จะดีกับเศรษฐกิจของทุกประเทศ ตัวสหรัฐเองในประวัติศาสตร์แล้วพวกเขามีการลอกเลียนแบบสิ่งต่าง ๆ จากญี่ปุ่นและยุโรปมาเช่นกัน

บริษัทอเมริกันจำนวนมากไม่ได้ทำในสิ่งที่หลายคนคาดหวัง ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรม 5G สหรัฐกำลังใช้การเมืองแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกคาดการณ์ว่าจะดี กับคำถามที่ว่า ประเทศจีน จะสามารถยืนเหนือกว่าสหรัฐทางเทคโนโลยีได้รึเปล่า บางทีอาจไม่ใช่วันนี้

แต่คุณลองคิดดูว่าจีนมีการฝึกและสร้างวิศวกรปีหนึ่งมากกว่า 200,000 – 300,000 คน เทียบกับสหรัฐตัวเลขอยู่ที่ 60,000 คนเท่านั้น จีนกำลังทำการก้าวข้ามครั้งใหญ่และเป็นกระบวนการที่ยิ่งใหญ่ ด้านสหรัฐตอนนี้กำลังมีปัญหาในการแข่งขันสำหรับบางกลุ่มธุรกิจ ไม่ใช่จีนไม่มีจีนเองก็มี แต่การเปิดตลาดจะเป็นผลดีกับโลกใบนี้

เรื่องที่ 3 ฉันเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านบวกสำหรับประเทศจีนและคาดว่าจะเห็นมากขึ้นกกว่านี้อีก เมื่อไม่นานมานี้ มีความเห็นที่แตกต่างมากมายในเรื่องของการที่จีนเข้ามาจัดการกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและกลุ่มอื่น ๆ ในประเทศจากทางตะวันตก แต่ในส่วนตัวของคุณจิม โรเจอร์ส มองว่า ผมเห็นด้วยกับบางสิ่งที่ทางประเทศจีนทำ ตัวอย่างเช่น 10 กว่าปีก่อนหลายบริษัทในจีนกำลังเปิดเงินกู้ให้กับธุรกิจอินเตอร์เน็ต โดยไม่มีการตรวจสอบ ซึ่งบริษัทจำนวนมากก็มีการปล่อยเงินกู้เกินจริงไปมาก ตรงนี้ผมดีใจที่ ภาครัฐของจีนเข้ามาควบคุมจัดการ มันคือความหายนะที่กำลังรอจะเกิดขึ้น และตอนนี้มันก็ยังคงมีปัญหา ผมหวังว่าพวกเขาจะควบคุมมันได้ดี

ทั่วทั้งประวัติศาสตร์โลก ทุกเศรษฐกิจบนโลกจะต้องมีผู้กำกับดูแลอย่างเหมาะสมบนอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ ๆ จำนวนมาก ขณะที่มีต้นแบบทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่จำนวนมาก มันสำคัญที่จะต้องเข้ามาจัดการช่องว่างทางกฎหมาย การมีกฎเกณฑ์ขึ้นมากำกับดูแลการผูกขาดเชิงพาณิชย์ในจีนไม่ใช่อัตลักษณ์ของประเทศจีน เศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกมีส่วนร่วมในการพยายามต่อต้านการผูกขาด ผมดีใจที่เห็นจีนเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้

คุณจิม โรเจอร์ส ปิดท้ายการสัมภาษณ์ครั้งนี้ว่า ตอนนี้การระบาดกดดันเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก หลายอุตสาหกรรมตั้งแต่ ท่องเที่ยว ขนส่ง และบันเทิง ต้องเจ็บปวดอย่างมากในตอนนี้ พร้อมกับหนี้สินที่ขยายตัวจนทะลุฟ้า ผมคิดเราจะเจอกับตลาดหมีอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต ญี่ปุ่น ตอนนี้กำลังเจอกับปัญหารุมเร้าในหลายทางไม่ว่าจะเป็น ประชากรที่เกิดต่ำ คนไม่อยากทำงานที่มากขึ้น คนสูงอายุเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมไปถึงปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดทุนและตลาดเงินสหรัฐกำลังเผชิญหน้ากับการระเบิดครั้งใหญ่มากในชีวิตของฉัน เมื่อปัญหามาถึงโดยเริ่มจากฝากตะวันตก มันจะกระทบคนทั้งโลก รวมไปถึงจีนด้วย

ผมคิดว่าจีนจะกลายเป็นประเทศที่สำคัญที่สุดประเทศหนึ่งในศตวรรษที่ 21 นี้ ผมมีมุมมองที่ดีต่อจีน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร พวกเขาพัฒนาปักกิ่งในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาจนเมืองแห่งนี้มอบความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คน และตอนนี้ผู้คนในเมืองกำลังช่วยผู้คนในชนบทของประเทศ

ผลกำลังมองไปที่กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร หรืออื่น ๆ ในชนบทของประเทศจีน

เขียนและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ที่มา : Globaltimes

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #จีน #ตลาดทุนจีน #เศรษฐกิจจีน #อุตสาหกรรมเกษตรจีน #จิมโรเจอร์ส #การลงทุน #Investment