ความลับของ TSMC ผู้ผลิตชิปเซ็ตยักษ์ใหญ่ของโลก (ตอนที่ 3)

อีกหนึ่งความท้าทายของการผลิตชิประดับสูงไปสู่อเมริกาคือผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ในปัจจุบันทั้งหมดอยู่ในเอเชีย TSMC มีวิศวกรเก่ง ๆ จำนวนมากในตอนนี้ และพวกเขาทั้งหมดก็อยากอยู่ในไต้หวัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ทันสมัยก็ดำเนินงานอยู่ในไต้หวัน เพื่อจะแก้ปัญหานี้ คุณ Roxanna Vega ผู้จัดการด้าน Academic Relations ของ TSMC Arizona บอกว่า

“TSMC ได้โน้มน้าวผู้เชี่ยวชาญบางส่วนจากไต้หวัน ให้มาทำงานที่สหรัฐเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 2-3 ปี พร้อมกันนั้นได้ส่งพนักงานกว่า 300 คนที่ทำงานในฝั่งสหรัฐไปสู่ไต้หวันเพื่อเรียนรู้เป็นเวลา 12-18 เดือน ซึ่งนี้ถือเป็นโอกาสที่จะถูกสอนโดยโรงงานแบบ Gigafab ขนาด 5 นาโนเมตร ในไต้หวัน และนั้นจะทำให้พวกเขามีโอกาสเรียนรู้บนความเข้าใจลึกซึ้งครั้งมโหฬาร และเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดของเรา เครื่องจักร และทุก ๆ สิ่งที่กำลังจะไปอยู่ในที่นั้น Arizona”

นี่คือการกระจายความเสี่ยงซึ่งถือเป็นเหตุผลสำคัญของ TSMC ในการนำโรงงานเทคโนโลยีขั้นสูงไปสู่สหรัฐ ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถทำงานได้ใกล้ชิดมากขึ้นกับเหล่านี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่ต้องพึ่งพาพวกเขาไม่ว่าจะเป็น Apple, Nvidia และQualcomm “ถ้าคุณต้องการความสามารถในการผลิตถือเพิ่มขึ้น คุณก็ต้องสร้างโรงงานเพิ่มขึ้น นั้นคือสาเหตุที่เรามุ่งไปที่สหรัฐที่ซึ่งลูกค้าสหรัฐต้องการเรา รัฐบาลสหรัฐต้องการเราที่นั้น” นาย Rick Cassidy ประธานและซีอีโอของ TSMC Arizona ในอเมริกา เผย

ตอนนี้ลูกค้ากว่า 60% ของพวกเขายังคงเป็นบริษัทในสหรัฐ โดย Apple เองก็เคยพูดเป็นนัย ๆ ว่าพวกเขาต้องการซัพพลายเออร์ที่มีความใกล้ชิด ตอนนี้ TSMC มีโรงงานทั้งหมด 12 โรงงานทั่วโลกแต่ทั้งหมดตั้งอยู่ใน ไต้หวัน และจีน (หนึ่งโรงงานที่สหรัฐ ก็คือที่กำลังสร้างอยู่ในตอนนี้) โดยแบ่งเป็น Wafer 12 นิ้ว 5 โรงงาน, Wafer 8 นิ้ว 6 โรงงาน และ Wafer 6 นิ้ว 1 โรงงาน พร้อมส่วนแบ่งรายได้ทั่วโลกกว่า 54% ซึ่งแสดงถึงความไว้ใจที่ทุกคนมีต่อ TSMC แต่ขณะเดียวกันมันก็สร้างความเปราะบางให้เกิดขึ้น ความขาดแคลน และความตึงเครียดในแง่การเมืองระหว่างประเทศให้เกิดขึ้นตามมาระหว่าง จีน สหรัฐ และไต้หวัน

TSMC ตอนนี้มีสถานะเป็นเสมือนดั่งโล่ซิลิคอน “TSMC นั้นสำคัญมาก ๆ และฉันคิดว่าผู้คนต้องพึ่งพาพวกเรา” นาย Rick Cassidy ประธานและซีอีโอของ TSMC Arizona ในอเมริกา ให้ความเห็น และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องทำงานอย่างหนักเพื่อโน้มน้าวให้ TSMC ยอมมาเปิดโรงงานที่นี่ ด้านคุณ Chris Camacho ซึ่งเป็นประธานและซีอีโอของ Greater Phoenix Economic Council เผยว่า “พวกเราจะไม่ต้องกังวลกับความขัดแย้งด้านการเมืองระหว่างประเทศ และการระบาดของโรคครั้งใหญ่อีก พวกเราจะมีความสามารถในการผลิตบนพื้นดินของสหรัฐเอง”

วันนี้สหรัฐมีสัดส่วนต่อการผลิต Semiconductor ทั่วโลกเพียงแค่ 12% เท่านั้น ลดลงจาก 37% ในปี 1990 ตอนนี้เจ้าหน้าที่และรัฐบาลกลางต่างกระตือรือร้นที่จะล่อใจ TSMC ให้นำเทคโนโลยีผลิตชิปชั้นสูงกลับประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นของมัน ผ่านการให้ Qualified Facility tax credit, Quality Jobs tax credit ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการให้ต่ำลง และพร้อมความช่วยเหลือด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะช่วย TSMC เข้าถึงน้ำและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ๆ โดยรัฐบาลของโจ ไบเดน ได้มีการเสนอแผนอุดหนุนมูลค่า 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับ TSMC และผู้ผลิตชิปรายอื่น ๆ บนสหรัฐ ผ่านกฎหมายที่เรียกว่า CHIPS Act

“CHIPS Act สำคัญมากต่อความสำเร็จของสหรัฐ ไม่แค่เพื่อแข่งขันเท่านั้น แต่เพื่อรองรับบริษัทใหม่ ๆ ในด้านนี้ซึ่งดำเนินการในสหรัฐ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้เราคงต้องนำชิปเข้าตลอดชีวิตของพวกเรา” นาย Rick Cassidy ประธานและซีอีโอของ TSMC Arizona ในอเมริกา ได้มีส่วนร่วมพูดคุยจนนำไปสู่กฎหมาย CHIPS Act นี้ “พวกเราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการสร้างระดับสนามแข่งขัน มันไม่ใช่เรื่องต้นทุนที่มากขึ้นในการผลิตชิปในสหรัฐ”

จากรายของอุตสาหกรรมพบว่าการลงทุนจากภาครัฐมูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐทำให้เป็นไปได้ว่าจะเกิดการสร้างโรงงานถึง 19 แห่งในช่วง 10 ปีจากนี้ในสหรัฐ ซึ่งจะทำให้สามารถผลิตชิปจากภายในได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ขณะที่การขาดแคลนยังคงดำเนินต่อไป และในทำนองเดียวกันการลงทุนแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก

ด้านสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้เผยว่า มีการเสนอแผนสร้างโรงงานใหม่ 72 แห่งในช่วงปี 2020-2024 โดยภูมิภาคที่เยอะที่สุดคือเอเชียมากถึง 55 แห่ง รองลงมาคือ ทวีปอเมริกาเหนือและใต้ 10 แห่ง และในยุโรป 7 แห่ง นาย Ajit Manocha ซึ่งเป็นประธานและซีอีโอของ SEMI เผยว่า “ผมได้ยินการประกาศการลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นมากกว่า ตลอดเวลาทั้งชีวิตของผมเลยทีเดียว เกาหลีใต้จะลงทุนด้านนี้ 450,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 10 ปี ขณะที่สหภาพยุโรปลงทุนมากกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผมเชื่อเมื่อจบปีหน้า (2022) สถานการณ์ชิปน่าจะผ่อนคลายมากขึ้น”

ขณะที่ความต้องการยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นั้นทำให้ TSMC ได้ขยับราคาชิปเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% แล้ว และต้นทุนเหล่านี้จะตกลงไปสู่ผู้บริโภคต่อไป

แปลและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ที่มา : CNBC