ขับเคลื่อน ‘มิชลิน’ บนเส้นทางการเติบโตอย่างยั่งยืน

132 ปี ที่ชื่อ ‘มิชลิน’ ก่อตั้งขึ้นและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง บนพันธกิจที่ว่า ‘ขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดีกว่า’ แต่ไม่นานมานี้ มิชลินกำหนดเป้าหมายใหม่เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งขยายธุรกิจเข้าสู่ช่องทางการเติบโตใหม่ ๆ ทั้งธุรกิจยาง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยาง และธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากยาง

 

ปี 2021 นับเป็นก้าวสำคัญของ มิชลิน ในการขับเคลื่อนองค์กร หลังประกาศแผนการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ใหม่ ‘ความยั่งยืนทุกด้าน’ (All Sustainable) ภายในปี 2030 ภายใต้แนวคิด MICHELIN IN MOTION ที่มุ่งมั่นสร้างสมดุลระหว่างผู้คน (People), ผืนโลก (Planet) และผลกำไร ด้วยการเพิ่มเติมช่องทางการเติบโตทางธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งธุรกิจยาง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยาง และธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากยาง

 

การรุกก้าวนี้ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยช่วงที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทย ‘มิชลิน’ พิสูจน์ให้เห็นว่า ลูกค้ายังเชื่อมั่นต่อแบรนด์สูงมาก เราถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงเกินความคาดหวังของผู้บริโภค มิชลินเป็นแบรนด์แรกที่นำแนวคิด ‘Performance Made to Last แม้เวลาเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน’ มาใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตยางมิชลินทุกเส้น โดยแนวคิดนี้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้ยางคงประสิทธิภาพได้ยาวนาน มั่นใจตั้งแต่วันแรกที่ใช้ จนถึงรอบเปลี่ยนยางครั้งถัดไป เพราะเราเชื่อมั่นว่า ยางที่ดีนอกจากจะให้ความปลอดภัย ยังควรที่จะให้ความมั่นใจในสมรรถนะและอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีความคุ้มค่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มิชลินเป็นแบรนด์แรกที่คิดค้นแนวคิดดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีแบรนด์ไหนในตลาดที่สามารถทำในจุดนี้ได้เทียบเท่ากับเรา

 

 

คุณวิเนต องค์เนกนันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าวว่า

“ถ้าถามถึง Key Success Factors สำหรับแบรนด์มิชลินกับมุมมองผู้บริโภค
ก็คือความรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในสินค้าที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคเหนือความคาดหมาย”

จากคำกล่าวของคุณวิเนต เราเห็นด้วยอย่างยิ่ง ซึ่งหากใครได้ลองและสัมผัสประสิทธิภาพยางรถยนต์ของมิชลินก็จะพบว่า แนวคิด Performance Made to Last ได้ประจักษ์ต่อสายตาของลูกค้าทั่วโลก และปีนี้ก็เช่นกัน เป็นอีกครั้งที่ผู้บริโภคโหวตให้เราเป็นแบรนด์ในดวงใจ Product Innovation Award 2021 ในสาขาประเภทยานยนต์ กลุ่มยางรถยนต์ MICHELIN PRIMACY 4 จากคุณสมบัติที่ให้ทั้งประสิทธิภาพ การยึดเกาะถนน สมรรถนะยางที่ให้ความปลอดภัย เบรกสั้นมั่นใจ ทั้งยางใหม่และใกล้หมดดอก ความคุ้มค่าสูงสุดตั้งแต่วันแรกที่ใช้ จนกว่าจะถึงระยะการเปลี่ยนยางในรอบถัดไป สิ่งสำคัญที่เรายึดมั่นมาตลอด คือ ส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เช่นเดียวกับคุณสมบัติของยางรถยนต์ MICHELIN PRIMACY 4 ซึ่งจุดเด่นและคุณค่าที่มีอยู่ในยางรุ่นนี้นั้นประกอบด้วย

1. เทคโนโลยีที่ช่วยให้ยางคงประสิทธิภาพ

ปลอดภัย มั่นใจแม้ยางใกล้หมดดอก ซึ่งจากผลทดสอบ* พบว่า ถ้าเป็นยางใหม่ จะมีระยะเบรกที่สั้นกว่าค่าเฉลี่ยของแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ถึง 2.5 เมตร และยิ่งถ้าเป็นยางที่ใช้ไปแล้วจนมีความลึกร่องดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร มิชลินจะมีระยะเบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยของแบรนด์อื่น ๆ ถึง 5.1 เมตร

2. อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าแบรนด์สินค้าคู่แข่ง

3. ความนุ่มเงียบตามแบบฉบับมิชลิน

เพราะมิชลินเชื่อในเรื่องการเพิ่มคุณค่า และมุ่งมั่นจะมอบความคุ้มค่าและบริการที่ดีในระดับ World Class เสมอ ซึ่งถ้าอยากรู้ว่าคุณสมบัติยางของมิชลินเด่นอย่างไร ก็อยากให้ลองเข้ามาสัมผัสได้เลย

จับจังหวะแห่งการเติบโต

อย่างที่บอกว่าปี 2021 นี้ จะเป็นก้าวสำคัญของมิชลินสำหรับการขับเคลื่อนองค์กร หลังประกาศแผนการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ใหม่ ‘ความยั่งยืนทุกด้าน’ (All Sustainable) ดังนั้น จึงเป็นที่น่าจับตาว่า วิสัยทัศน์แห่งอนาคต ความยั่งยืนทุกด้าน (All Sustainable) จะมุ่งมั่นสร้างสมดุลระหว่างผู้คน (People), ผืนโลก (Planet) และผลกำไร ด้วยแนวทางการดำเนินงานอย่างไร

คุณวิเนต กล่าวย้ำอีกว่า เป้าหมายของมิชลิน คือมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนไปยัง 3 กลุ่มธุรกิจภายใต้แบรนด์มิชลิน ได้แก่ ‘ ธุรกิจยาง’ ‘ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยาง’ (Services & Solutions) และ ‘ธุรกิจอื่นนอกเหนือจากยาง’ รวม 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย

1. ธุรกิจแนะนำโรงแรม ที่พักและร้านอาหาร (Experiences)

2. ธุรกิจวัสดุคอมโพสิตชนิดยืดหยุ่น (Flexible Composites)

3. ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ (Medical Devices)

4. ธุรกิจการพิมพ์โลหะ 3 มิติ (Metal 3D Printing) และ 5. ธุรกิจการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Mobility)

“แนวโน้มการเดินทางสัญจรหลังวิกฤต COVID-19 ทำให้เราเห็นว่า Landscape ทางธุรกิจได้เปลี่ยนไป เต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ อาทิ กลุ่มยางรถยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นโอกาสในการเติบโตของกลุ่มมิชลิน ซึ่งเรามุ่งมั่นพัฒนาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ทั้งด้านการออกแบบและผลิตยางล้อสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถเหมือง ยางรถตักดิน ยางรถเพื่อการเกษตร ยางล้อเครื่องบิน และยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เราจะสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่นและแตกต่าง และผมก็มองว่า มันคือก้าวสำคัญของมิชลินนับจากนี้” คุณวิเนต กล่าวทิ้งท้าย