PTT 1200x630-01-ปตท.

WE ARE GLOBAL TRADING COMPANY ปตท. ผู้ค้าน้ำมันที่ขยับตัวตามเทรนด์ของโลก

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือเป็นผู้นำด้านพลังงานฟอสซิลอันดับ 1 ของไทยมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป ทั้งการเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่สร้างผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเป็นวงกว้าง รวมถึงสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชนทั่วโลกต่างหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องภาวะโลกร้อนกันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเร่งชูพลังงานสะอาดให้มาทดแทนพลังงานฟอสซิลกันอย่างคึกคัก ทำให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในวันนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่อีกครั้ง

ปตท. บริษัทพลังงานแห่งชาติที่ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศ ได้ก้าวสู่การเป็นบริษัทข้ามชาติเป็ นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกำลังเติบโตอย่าง ทรงพลัง ปัจจุบันโครงสร้างรายได้หลักของบริษัทมาจาก 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจก๊าซ ธรรมชาติ และธุรกิจสำรวจและผลิต โดยรายได้ที่มาจากธุรกิจการค้า ระหว่างประเทศหรือ PTT Trading นั้น มากถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว

1

คุณดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้า ระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เล่าว่า แม้ว่าสัดส่วน รายได้ของบริษัทจะมาจาก PTT Trading เป็นหลัก แต่ในปีนี้ก็นิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ท้าทายความสามารถของทุกบริษัทบนโลกใบนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินกิจการด้านพลังงาน จากการรายงานของสำนักงานพลังงานหลักของโลกทั้ง 3 แห่งอย่าง International Energy Agency (IEA) และ U.S. Energy Information Administration (EIA) รวมทั้ง OPEC เปิดเผยให้เห็นว่า ภายใต้มาตรการ Lockdown ในปี 2020 ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเสียหายอย่างหนัก การเดินทางและการขนส่งต่างหยุดชะงัก เป็นผลให้ความต้องการใช้น้ำมันถดถอยไปเกือบ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน

3

“การทำการค้าระหว่างประเทศท่ามกลางวิกฤตนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งราคาที่มีความผันผวนรุนแรงและความเสี่ยงด้านคู่ค้าที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากคู่ค้ามีโอกาสผิดนัดชำระหนี้จากการขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ จึงต้องเน้นย้ำการทำงานให้ปรับสู่โหมดการทำการค้าอย่างระมัดระวัง”

ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้เทรดเดอร์ต้องติดตามสถานการณ์ตลาดพลังงานทุกฝีก้าว เพื่อจับจังหวะและปรับกลยุทธ์ในการทำการค้าตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปให้ทัน ควบคู่ไปกับการมีวินัยในการบริหารความเสี่ยงด้านราคา เพื่อให้ยังคงความสามารถในการควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่องค์กรรับได้ แม้ความเสี่ยงของคู่ค้าจะถือเป็นความเสี่ยงปกติที่จะต้องพบเจออยู่แล้ว สำหรับธุรกิจ Trading แต่ทางบริษัทก็เพิ่มความระมัดระวังขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ และควบคุมความเสี่ยงเพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น การใช้เครื่องมือ Credit Default Swap (CDS) ในการติดตามความเสี่ยงคู่ค้า เรามีการเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยให้ ปตท. ก้าวไปสู่อนาคตให้เร็วที่สุด แม้แนวโน้มพลังงานสะอาดจะมาแรง แต่ไม่ได้แปลความว่าพลังงานหลักอย่างน้ำมันจะหายไปในทันทีทันใด รวมไปถึงติดตามข้อมูลข่าวสารในตลาดจากช่องทางอื่น ๆ เช่น กลุ่มธนาคารอย่างใกล้ชิด

“เราพยายามหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมกับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูง หรือเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินจาก Open Credit เป็นเรียกหลักประกันทันทีที่ได้รับข้อมูลเชิงลบต่อสถานะความน่าเชื่อถือของบริษัทคู่ค้า การตรวจสอบ Exposure อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามการชำระหนี้ล่วงหน้าสำหรับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูง และคู่ค้าที่อยู่ใน Watch List”

คุณดิษทัตเพิ่มเติมว่า แต่โลกพลังงานนั้น ปกติมีความไม่สมดุลระหว่าง Supply และ Demand ในแต่ละภูมิภาคอยู่แล้ว ซึ่งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยิ่งทำให้ความไม่สมดุลดังกล่าวรุนแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่หากจับตามองตลาดให้ดีและคว้าโอกาสที่จะทำการค้าข้ามภูมิภาคในช่วงที่ตลาดเอื้ออำนวย (Arbitrage Opportunity) จะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ในปี 2020 เราก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า PTT Trading สามารถเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤต เมื่อเทียบกับเป้าหมาย

4

เส้นทางสู่ “POWERING LIFE with FUTURE ENERGY and BEYOND”

ขณะนี้ทั่วโลกล้วนตระหนักถึงภาวะโลกร้อน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชนล้วนออกนโยบายเพื่อสนับสนุนเรื่องนี้กันทั้งสิ้น และพร้อมกับการผลักดัน Net-Zero Emissions ของแต่ละประเทศ รวมถึงนโยบายระดับบริษัทที่มีการเปลี่ยนแหล่งพลังงานจากฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน และการเพิ่มกำลังการผลิตรถ EV ของบริษัทยานยนต์ชั้นนำต่าง ๆ ทำให้ ปตท. ในวันนี้ จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่กำลังจะเดินไป “วันนี้เหล่าผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานกลายเป็นทั้งผู้ถูกผลักดันและผู้ขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานสะอาดในเวลาเดียวกัน ทำให้ลดต้นทุนได้มากขึ้น ประสิทธิภาพสูงขึ้น จากที่สมัยก่อนเมื่อเราพูดเรื่อง Go Green อาจจะเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายๆ คน แต่ตอนนี้การเข้าถึงพลังงานสะอาดกำลังจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย เพียงอาศัยเทคโนโลยีและเปลี่ยนวิถีชีวิต”

คุณดิษทัต ให้มุมมองเพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ วิถีชีวิตของผู้บริโภคทั่วโลกกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากเดิม ซึ่งไม่ใช่แค่มุมมองที่มีต่อเรื่องพลังงาน แต่มันรวมไปถึงทุก ๆ สิ่งรอบตัวที่จะเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน

“จากนี้เราจะได้เห็นการทำงานที่อาศัยสมองกลช่วยคิดเพื่อแบ่งเบาภาระของมนุษย์หรือคนทำงานมากขึ้น ระบบขนส่งสินค้าที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าในอดีต นอกจากนี้ ยังจะมีสถานีชาร์จ EV ที่จะกระจายตัวไปทุกหนทุกแห่ง พร้อมระบบการแพทย์ที่ทันสมัยกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก และภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ระบาดแบบนี้ เรายิ่งจะเห็นทุกอย่างเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว”

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวันนี้ทำให้ ปตท. ไม่อาจดำเนินธุรกิจแค่น้ำมันและก๊าซได้แล้ว และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของ บริษัทไปสู่ “POWERING LIFE with FUTURE ENERGY and BEYOND” หรือ “ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต” นั่นทำให้นับจากนี้ ปตท. จะมุ่งหน้าสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด และธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไกลกว่าพลังงานมากขึ้น และเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตในอนาคตของผู้บริโภค เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ อย่างยา เครื่องมือแพทย์ อาหารเสริม หรือธุรกิจ ที่เกี่ยวกับ Mobility และ Lifestyle

แผนงานที่ครอบคลุมสู่ความสำเร็จในระยะยาว

ในฐานะหนึ่งในหน่วยธุรกิจของ ปตท. คุณดิษทัต เผยว่า PTT Trading มีการเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยให้ ปตท. ก้าวไปสู่อนาคตตามที่หวังเอาไว้ให้เร็วที่สุด แม้แนวโน้มพลังงานสะอาดจะมาแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พลังงานหลักอย่างน้ำมันจะหายไปในทันทีทันใด โดยในระยะสั้นยังเชื่อมั่นว่าน้ำมันยังคงเป็นพลังงานหลักอยู่เช่นเดิม เพราะการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่แน่นอนว่าในอนาคต คนจะเริ่มใช้น้ำมันน้อยลงไปต่อเนื่อง ตามความต้องการที่ลดลงจากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือก ที่จะเข้ามาตอบสนองต่อนโยบายสภาวะโลกร้อนของรัฐบาลทั่วโลก

“ในช่วงแรกน้ำมันจะไม่ได้หายไปทันทีอย่างที่หลายคนกังวล และน้ำมันจะยังคงเป็นพลังงานหลัก แม้อัตราการเติบโตของน้ำมันจะลดลงตามความต้องการใช้ที่น้อยลง และอาจมีสัดส่วนของพลังงานทางเลือกที่เพิ่มขึ้น สำหรับแผนระยะสั้น เราสามารถทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่ม ปตท. เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Group Optimization & Value Creation)”

ขณะที่ในแผนระยะกลาง PTT Trading จะมุ่งขยายการค้าก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas: LNG) ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เนื่องจาก LNG เป็นเชื้อเพลิงสะอาดที่จะมาปิดต่อการเปลี่ยนแปลงจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน พร้อมพัฒนาเครื่องมือทั้ง Digital Platform และ Data Analytics Tools เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น

ส่วนของแผนระยะยาว PTT Trading จะใช้ความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการซื้อ-ขายระหว่างประเทศ การบริหารความเสี่ยงราคา และการจัดหาเรือขนส่ง เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ ปตท. ในการปรับตัวไปสู่พลังงานสะอาด รวมถึงธุรกิจใหม่ ๆ ตามวิสัยทัศน์ใหม่ของ ปตท. ต่อไป

6

2021 ปีแห่งการเชื่อมโยงการค้าทั่วโลก

การสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ รวมถึงการเป็นหัวหอกในการสร้างการเติบโตในธุรกิจการค้าสากล และเป็น Ambassador ที่สร้างชื่อเสียงในเวทีโลกให้กับ ปตท. ถือเป็นภารกิจหลักของ PTT Trading เลยก็ว่าได้ “

เป้าหมายของเราคือการขยายฐานการค้าให้กระจายตัวครอบคลุมไปทั่วโลก รวมไปถึงการจัดตั้งสำนักงานในประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการกำหนดราคา หรือที่เรียกว่า Trading Hub ในภูมิภาคนั้น ๆ”

5

คุณดิษทัต เผยว่า ปีนี้จะเป็นปีแรกที่ PTT Trading จะมีสำนักงานใน Trading Hub ครบทุกหัวเมืองสำคัญของโลก ได้แก่ สำนักงานในประเทศสิงคโปร์ ที่รับผิดชอบภูมิภาคตะวันออกไกล สำนักงานที่นครเซี่ยงไฮ้ที่ดูแลตลาดจีน สำนักงานในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ที่ดูแลภูมิภาคยุโรปและแอฟริกา รวมทั้งสำนักงานน้องใหม่ปีนี้ ได้แก่ สำนักงานที่กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ที่รับผิดชอบการค้าในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมถึงดูแลตลาดซื้อขายอนุพันธ์ล่วงหน้าของอาบูดาบี (ICE Futures Abu Dhabi: IFAD) ในฐานะที่ PTT Trading เป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง IFAD และสำนักงานที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งรับผิดชอบการค้าในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ รวมถึงเป็นจิกซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยให้ PTT Trading สามารถเชื่อมโยงการค้าได้ครอบคลุมทั่วโลกในทุก Time Zone ภายใต้มาตรการ International Maritime Organization (IMO 2020) ที่จำกัด ปริมาณกำมะถันในน้ำมันเดินเรือจาก 3.5% เป็น 0.5% ทำให้ปัจจุบันโรงกลั่นในกลุ่ม ปตท. ได้พยายามลดสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง ซึ่งมีค่ากำมะถันสูง และเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันดิบที่มีค่ากำมะถันต่ำกว่า เช่น น้ำมันดิบจากแอฟริกาและสหรัฐอเมริกา ซึ่งการมีสำนักงานตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์การค้าของแต่ละภูมิภาค จะช่วยให้ PTT Trading สามารถวางแผนและบริหารจัดการปริมาณการนำเข้าจากแต่ละภูมิภาคให้มีความเหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการติดตามสถานการณ์และความผันผวนของตลาดโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงเพิ่มโอกาสในการทำการค้าข้ามภูมิภาคในช่วงที่ตลาดเกิดความไม่สมดุลระหว่าง Demand และ Supply ในแต่ละภูมิภาค (Arbitrage Opportunity) และที่สำคัญจะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้กลุ่ม ปตท. เป็นที่รู้จักในระดับสากล และ ก้าวไปเป็น Global Trading Company ได้อย่างสง่างาม

7

คุณดิษทัต ปิดท้ายว่า ถ้าเมื่อไรที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 เริ่มดีขึ้น การฉีดวัคซีนเริ่มกระจายตัวไปทั่วถึงทุกมุมโลก เชื่อว่าสถานการณ์ เศรษฐกิจโลกก็จะเริ่มฟื้นตัวกลับมา ซึ่งนั่นจะเป็นแรงหนุนให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น ตลาดพลังงานจะเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น หรือที่เทรดเดอร์เรียกว่า “Bullish Market” ซึ่งสภาวะตลาดเช่นนี้เอื้อให้การบริหารจัดการการค้าของ PTT Trading ง่ายขึ้นไปด้วย เป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่งกับการก้าวเดินของบริษัทพลังงานของไทย ที่มี วิสัยทัศน์ก้าวไกล ไม่ย่ำอยู่กับพลังงานฟอสซิล แต่เปิดโอกาสให้ตนเองได้เรียนรู้กับพลังงานในรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึงมองหาธุรกิจที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคต่อไปในอนาคต