ยกระดับการศึกษา-ลดภาระเพิ่มความสุขให้ครอบครัวทั่วโลกด้วยเทคโนโลยี

การนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาธุรกิจ (Digitalization) และการทำงานระยะไกลได้ถูกพัฒนาเป็นอย่างมากในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้การใช้ความร่วมมือข้ามพรมแดนระหว่างบริษัทต่าง ๆ เพิ่มขึ้น แต่การจะค้นหาบริษัทในต่างประเทศที่น่าเชื่อถือ และมีศักยภาพเหมาะสมกับการร่วมมืออาจจะยังมีอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม

ดังนั้น ICHI จึงแนะนำวิธีการค้นหาบริษัทที่จะเข้ามาร่วมมือทางธุรกิจที่เชื่อถือได้จากรายชื่อบริษัทที่ได้รับการรับรองในระดับประเทศ ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั้น กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมได้จัดตั้งโครงการสนับสนุนบริษัท Startup ที่ชื่อว่า “J-Startup” โดยโครงการนี้มีบริษัท Startup ญี่ปุ่นประมาณ 10,000 ราย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายชื่อของบริษัทที่เป็น J-Startup ได้ที่เว็บไซต์ https://www.j-startup.go.jp/en/startups/

และหนึ่งในบริษัท J-Startup ที่ได้รับการรับรองในระดับประเทศ และมีนวัตกรรมที่โดดเด่นคือ “UniFa Inc.” ผู้สนับสนุนการทำ Digital Transformation (DX) สำหรับสถานรับเลี้ยงเด็กด้วยเทคโนโลยี ภายใต้สโลแกน “สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมแบบใหม่ เพื่อสร้างความสุขให้กับครอบครัวทั่วโลก”

โดย UniFa ได้รับการประเมินอยู่ในระดับสูงด้านการดำเนินการตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2013 และในปี 2017 บริษัทได้รับรางวัลชนะเลิศจากงาน Startup World Cup ครั้งที่ 1 ซึ่งงานดังกล่าว มีบริษัท Startup จากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 10,000 ราย

(คุณ Toki Yasuyuki CEO ของ UniFa Inc.)

ทั้งนี้ คุณ Toki Yasuyuki CEO ของ UniFa ได้ให้สัมภาษณ์กับ ICHI ว่า UniFa ได้ให้บริการระบบ “Smart Nursery Kindergarten Childcare Center Idea” และดำเนินการ ICT สำหรับงานทุกประเภทกับธุรกิจสถานรับเลี้ยงเด็ก ทั้งการติดต่อกับผู้ปกครอง และการดูแลเด็ก ๆ  นอกจากนี้ ยังมีการใช้แอปพลิเคชันและ IoT ด้านการดูแลสุขภาพ เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย และเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า

แพลตฟอร์มนี้จะช่วยเพิ่มการใช้เวลาร่วมกันระหว่างผู้ปกครองและบุตรหลาน และยังช่วยให้เข้าใจความสนใจและข้อมูลด้านสุขภาพของบุตรหลานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมเองเคยมีช่วงที่ลาออกจากงานเพื่อเอาเวลามาเลี้ยงลูก เพราะการทำงานนอกบ้านทั้งสามีและภรรยาอาจทำให้การเลี้ยงลูกไม่มีประสิทธิภาพ ผมจึงได้ตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจนี้ขึ้น เพื่อสนับสนุนครอบครัวทั่วโลก” คุณ Toki กล่าว

3 บริการหลัก ช่วยแก้ปัญหาสถานรับเลี้ยงเด็ก

ในขณะที่ปัญหาการขาดแคลนผู้ดูแลเด็กกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับผู้ปกครองจำนวนมากได้ขอให้ผู้ดูแลดำเนินการติดตามกิจกรรมประจำวันของเด็ก ๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็ก ดังนั้น UniFa จึงมุ่งมั่นที่จะช่วยลดภาระงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเด็ก รวมถึงสร้างความผ่อนคลายให้กับจิตใจของผู้ดูแลเด็กด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ โดยบริการหลักที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานรับเลี้ยงเด็กคือ “LookMee” ซึ่งเป็นบริการ ICT ที่ครอบคลุม 3 บริการหลัก คือ

1. บริการรูปภาพ: แพลตฟอร์มนี้สามารถอัปโหลดรูปภาพที่ถ่ายโดยสมาร์ตโฟนขึ้นไปในระบบได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งผู้ปกครองจะสามารถดูรูปภาพโดยการจดจำใบหน้าในแอปพลิเคชัน และสามารถซื้อเป็นข้อมูลหรือพิมพ์ออกมาได้

2. บริการดูแลสุขภาพ: โดยจะใช้เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้ผู้ปกครองและผู้ดูแลสามารถเฝ้าดูแลบุตรหลานได้ด้วยตามนุษย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในเวลาเดียวกัน

3. บริการ ICT: เป็นบริษัทที่ช่วยการจัดการข้อมูลทั้งหมด เช่น สมุดติดต่อ แบบฟอร์ม บันทึกการเข้า/ออก ตารางเวร ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะถูกแปลงเป็นดิจิทัลเพื่อลดภาระของผู้ปกครอง

(3 บริการหลักของ LookMee)

 

แพลตฟอร์มที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพการศึกษาได้ทั่วโลก

จากบริการ LookMee ที่ให้บริการแบบ All-in-one จะช่วยให้ภาระงานของสถานรับเลี้ยงเด็กหลายแห่งลดลง ในบางกรณีทำให้ชั่วโมงทำงานลดลงได้ถึง 120-130 ชั่วโมง คิดเป็น 65% ของชั่วโมงทำงานต่อเดือน เท่ากับว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยสร้างชั่วโมงการทำงานเสมือนมีเจ้าหน้าที่ดูแลเด็กเพิ่ม นอกจากเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแล้วยังช่วยฟื้นฟูจิตใจให้กับผู้ดูแลได้อีกด้วย ซึ่งการที่ผู้ดูแลได้ใช้เวลากับเด็ก ๆ มากขึ้นจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาในที่สุด

 

ทั้งนี้คุณ Toki กล่าวว่า UniFa มีความสนใจที่จะขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่ผ่านมาได้ทำการวิจัยตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งพบว่าในปัจจุบันมีบริษัทจัดการดูแลสถานรับเลี้ยงเด็กจากญี่ปุ่นได้เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับการเข้าไปทำ Digital Transformation ให้กับสถานที่เหล่านี้ได้

ไม่มีบริษัทใดในโลกที่มีฐานข้อมูลที่มั่นคงด้านข้อมูลสำคัญของเด็กและข้อมูลทางการศึกษา นอกจากนี้ ปัจจุบันยังไม่มี AI ด้านการดูแลเด็ก ดังนั้น เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาให้กับทั่วโลกผ่านธุรกิจเหล่านี้” คุณ Toki กล่าวในตอนท้าย

นี่เป็นเพียงบทความแนะนำเทคโนโลยี Startup จากประเทศญี่ปุ่นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากสนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ ICHI Website: https://bit.ly/3MMYduO