The Business Plus บิสิเนสพลัส
พฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนล้วนเข้าสู่โลกของเทคโนโลยีที่จะสามารถตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น ‘มาร์เก็ตติ้ง 1688’ ผู้นำเข้าสินค้าระดับโลกอย่าง ‘Roborock’ อุปกรณ์ทำความสะอาดระดับพรีเมียม หนึ่งในแบรนด์ที่ตอบรับผู้บริโภคด้วยโลกแห่งเทคโนโลยี ไม่เพียงแค่เป็นตัวแทนจำหน่าย แต่ยังมีบทบาทในการร่วมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูงสุด
The Success Story of The Month By Business+ ฉบับเดือนมีนาคม 2566 จะพาผู้อ่านมาอัพเดทกลยุทธ์การบริหาร และแผนธุรกิจของ ‘มาร์เก็ตติ้ง 1688’ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปักหมุดสู่การทะยานสู่เป้าหมาย Tech Startup อย่างเต็มตัว พร้อมที่จะสร้าง New Business ด้วย New Technology โดยมีเป้าหมายในใจคือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 3 ปี ต่อจากนี้
จากการคาดการณ์ของ Yahoo Finance ระบุว่าภายในปี 2028 ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะเติบโตถึง 14,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นแล้วว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีทำความสะอาดเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ที่น่าสนใจคือ ‘Roborock’ แบรนด์สินค้าเรือธงของ มาร์เก็ตติ้ง 1688 ยังคงเป็นผู้นำในตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาตลอดระยะเวลาหลายปี ด้วยการครองสัดส่วน 30% ของตลาด โดยทาง Business+ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณเกริกชัย ตั้งตระกูลธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง 1688 จำกัด ผ่านการสัมภาษณ์พิเศษ โดยพบว่าแผนธุรกิจมีเรื่องราวน่าสนใจหลายประเด็น
โดย คุณเกริกชัย เปิดเผยว่า ‘Roborock’ เป็นแบรนด์สินค้าที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูงที่สุด จึงทำให้แตกต่างกับเจ้าอื่นในตลาด โดยทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับมาร์เก็ตติ้ง 1688 ในการเก็บข้อมูลของกลุ่มผู้บริโภค และนำไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาดอีกด้วย
ผลการดำเนินงานของ ‘มาร์เก็ตติ้ง 1688’
หากย้อนกลับไปดูผลการดำเนินงานในปี 2022 ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าการเติบโตของ ‘มาร์เก็ตติ้ง 1688’ สำหรับตลาดประเทศไทยถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แม้จะต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจหรือกำลังซื้อในประเทศไทยที่ยังคงกลับมาได้ไม่เต็มที่ โดยมีสาเหตุจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น
“ในปีที่ผ่านมาเราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ไปหลายรุ่นด้วยกัน เช่น Roborock S7 MaxV Series (S7 MaxV, S7 MaxV+, S7 MaxV Ultra), Q Series (Q7 Max, Q7 Max+) ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ทำความสะอาดอีกด้วย” คุณเกริกชัย กล่าว
โดยทางคุณเกริกชัยได้นำเสนอผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์ทำความสะอาดในรุ่นท็อปสุดอย่าง Roborock S7 MaxV Ultra ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยไม่ใช่แค่ตัวเครื่องของหุ่นยนต์เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับแท่นชาร์จสุดล้ำ มีเทคโนโลยีระบบการทำความสะอาดได้อย่างครบครันที่สุดเครื่องหนึ่ง เช่น ระบบซักผ้าถูอัตโนมัติ, ระบบเติมน้ำอัตโนมัติ, ระบบดูดทิ้งฝุ่นอัตโนมัติ, ระบบชำระล้างตัวเองอัตโนมัติ, ระบบเป่าผ้าถูพื้นอัตโนมัติ ฯลฯ ซึ่งเป็นรุ่นโมเดลที่มีราคาสูงที่สุดในตลาด แต่ในทางกลับกันยังสามารถสร้างยอดขายได้มากที่สุดจากรุ่นท็อปสุดของ Roborock ด้วย
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้สนับสนุนให้การจำหน่ายผ่านช่องทาง E-Commerce อาทิ Shopee, Lazada เติบโตขึ้นกว่า 30% จากปีก่อนหน้า ขณะที่การขายแบบหน้าร้านผ่าน Offline ก็เติบโตขึ้นกว่า 30% เช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันมีสาขาหลักอยู่ที่ Central World ที่จัดเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมืองรองรับทั้งกลุ่มบุคคลทั่วไปและกลุ่มนักท่องเที่ยว จึงทำให้ผลการดำเนินงานที่ออกมานั้นถือว่าดีเกิดคาดการณ์
คุณเกริกชัย กล่าวว่า “การเติบโตของยอดขายอีกส่วนหนึ่งก็มาจากความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้บริโภคของอุตสาหกรรมนี้ เพราะแน่นอนว่าพวกเขาต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน ซึ่งไม่แปลกเลยที่กลุ่มผู้บริโภคฃต้องลงทุนกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความสะดวกสบายที่มากยิ่งขึ้น จึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จาก ‘Roborock’
เป้าหมายในปีนี้ของ ‘มาร์เก็ตติ้ง 1688’ สู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง
ไตรมาสที่ 1 เปิดตัวสินค้าใหม่ Roborock Dyad Pro
แผนการขยายธุรกิจของ ‘Roborock’ คือ ดำเนินการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยที่บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น อย่างในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทำความสะอาด ‘Roborock’ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดีมากยิ่งขึ้น
โดยในไตรมาสแรกปี 2023 นี้ ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ Roborock Dyad Pro ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดูดฝุ่น เป็นประเภทเครื่องล้างพื้นไร้สาย อัจฉริยะ (Wet and Dry Vacuum) ที่สามารถดูดฝุ่นพร้อมถูขัดพื้นได้สะอาดหมดจดในคราวเดียว เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์มีความสมบูรณ์แบบและครบครันมากที่สุดของตลาด ณ เวลานี้ด้วย
ทั้งนี้ Roborock Dyad Pro ได้มีการอัปเกรดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ให้เครื่องล้างพื้นไร้สาย Dyad Pro ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบปล่อยน้ำยาถูพื้นอัตโนมัติ, ระบบเป่าแห้งอัตโนมัติด้วยลมร้อน, พลังแรงดูดที่ทรงพลังมากขึ้นกว่า 30% จากรุ่นแรก, การทำความสะอาดจรดชิดขอบได้ถึง 1 มม. ได้ในทั้งสองข้าง, รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน Roborock เพื่อตั้งค่าการใช้งานได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ใหม่อยู่เสมอด้วย เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูงที่สุด และอื่น ๆ อีกมากมาย
ไตรมาส 2-3 มุ่งเปิดสโตร์รองรับลูกค้า offline
ส่วนในไตรมาสที่ 2-3 ทางคุณเกริกชัยเผยว่า ‘มาร์เก็ตติ้ง 1688’ จะเปิดตัวสินค้าใหม่ Roborock หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้น ในรุ่น Series S ใหม่เพิ่มเติม ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำสมัยมากกว่าเดิม ขณะที่มีแผนสำหรับการเปิดสาขาใหม่ ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ของกรุงเทพชั้นในและชั้นนอก อาทิ โซนรามอินทรา, พระราม 3, สุขุมวิท
ไตรมาสที่ 4 พา Roborock เข้าสู่ Modern Trade พร้อมขยายตลาดต่างประเทศ
ในปี 2024 ‘มาร์เก็ตติ้ง 1688’ จะมีการเปิดตัวสินค้า Roborock มากมาย ทำให้กลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องเปิดช่องทาง Modern Trade ควบคู่ไปด้วย โดยคุณเกริกชัย กล่าวว่า “เราวางแผนที่จะขยายตลาดในส่วนนี้ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ล่าสุดเราได้ร่วมมือกับทางร้านรีเทลผลิตภัณฑ์ในด้านไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ (เช่น ร้าน .life) เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของเราสู่ตลาดในปีนี้ที่มากขึ้น พร้อมทั้งยังวางแผนเดินหน้าสู่ตลาดเพื่อนบ้านมากขึ้น อย่าง เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยจะเน้นช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์ช็อปปิ้งเป็นหลัก ซึ่งเดิมที Roborock เป็นแบรนด์หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่สามารถครองสัดส่วนการตลาดเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และคิดเป็น 30%
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เราคงเห็นแผนดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องกันแล้ว ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ทางมาร์เก็ตติ้ง 1688 มีแผนการดำเนินงานเพื่อธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนได้ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญด้วย เช่น พฤติกรรมด้านการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ๆ ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามามีบทบาทที่มากขึ้น เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิมมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความปลอดภัย และด้านความสะดวกสบาย
การเติบโตของตลาด Smart Home
คุณเกริกชัย มองว่าในปี 2023 แนวโน้มการเติบโตของตลาด Smart Home ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมล้ำสมัยที่มากยิ่งขึ้นด้วย โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าการเติบโตในตลาดหุ่นยนต์ทำความสะอาดของเราจะเติบโตได้อีก 30% แม้อุตสาหกรรมนี้จะมีภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดและเข้มข้นก็ตาม
โดยที่ ‘มาร์เก็ตติ้ง 1688’ ได้ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเป็นที่สุด โดยต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมให้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ให้ได้เป็นอย่างดี ด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไลน์ใหม่ ๆ อีกด้วย ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ สำหรับเราที่จะเติบโตต่อไปในธุรกิจนับจากนี้อีกด้วย
ตอกย้ำเป้าหมายเดิมคือ ‘Tech Startup’
คุณเกริกชัย เปิดเผยว่า ‘เรามีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำให้ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง 1688 จำกัดเป็นหนึ่งใน Tech Startup แนวหน้าของประเทศไทยที่สามารถสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างดี และเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคตด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเราได้มุ่งเน้นการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเปิดตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย พร้อมเข้าถึงผู้บริโภคด้วยโลกแห่งเทคโนโลยีสู่อนาคต เพราะทางเรามองว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะมีความสำคัญและมีบทบาทความต้องการที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
และในปี 2023 นี้ เรายังคงมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้วย เราได้วางแผนที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ในด้าน Beauty Tech, Smart Home อื่น ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้าน Beauty Teach นี้ เรามองว่าจะมีตลาดรองรับที่ใหญ่มาก บวกกับคนในยุคใหม่ได้ให้ความสำคัญ และมีความต้องการที่จะดูแลสุขภาพด้านความสวยความงามที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
New Business to Beauty Tech อุตสาหกรรมใหม่ในตลาด Blue Ocean
คุณจิง ซุ่น รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง1688 จำกัด เล่าถึงกลุ่มธุรกิจใหม่ Beauty Tech ที่ในตลาดส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าเทคโนโลยีที่เข้าถึงกลุ่มคลินิกความงาม และมีราคาค่อนข้างสูง เหมาะกับการขายให้กับ Business to Business โดยตรง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถขยายกลุ่มสินค้าที่แตกต่างออกไปอยู่ในราคาที่กลุ่มผู้บริโภคจับต้องได้ และเป็นสินค้า Home Use โดยผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่กำลังจะเปิดตัวคือ เครื่องเลเซอร์กระชับผิวหน้าที่ช่วยกระตุ้น ลดริ้วรอย ซึ่งคาดการณ์จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายในครึ่งปีหลัง 2023 นี้ พร้อมกำหนดราคาที่สามารถจับต้องได้
ทั้งนี้ มาร์เก็ตติ้ง1688 มองว่าตลาด Beauty Tech ยังถือว่าเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังอยู่ในตลาด Blue Ocean เพราะยังเป็นอุตสาหกรรมที่ใหม่มาก ๆ จึงยังไม่มีการแข่งขันที่สูงมาก และการพัฒนาเทคโนโลยีให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพแบบระดับ Medical Grade ได้นั้น ยังถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับคู่แข่งใหม่ในอนาคต ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเป็นธุรกิจที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ‘Business+’ ต้องยอมรับว่าแผนการขยายธุรกิจ Beauty Tech ก็เป็นสิ่งที่พามาร์เก็ตติ้ง 1688 เข้าสู่เป้าหมาย Tech Startup มากยิ่งขึ้น เพราะฉีกกรอบจากผลิตภัณฑ์ Smart Home โดยสิ้นเชิง แต่มีจุดเชื่อมโยงกันคือเทคโนโลยี ซึ่งในอนาคตเราคงได้เห็นธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากกว่าเดิม และเพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
นอกจากขยายสู่ธุรกิจใหม่แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่น่าติดตามต่อ นั่นคือ มาร์เก็ตติ้ง1688 ได้วางแผนที่จะเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัทมหาชนจำกัดต่อประชาชนในครั้งแรก (IPO) เพื่อระดมทุนภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งทางคุณเกริกชัยเผยกับเรื่องนี้ว่า “เราได้วางแผนเพื่อนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของบริษัทฯ โดยที่จะมุ่งมั่นและมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อนำเสนอและเข้าถึงทุกกลุ่มผู้บริโภคที่มากยิ่งขึ้นในอนาคตอีกด้วย โดยเราตั้งเป้าหมายว่าจะนำบริษัทฯ IPO ให้สำเร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า”
จะเห็นได้ว่าเส้นทางของการเติบโตสู่ Tech Startup ของมาร์เก็ตติ้ง1688 นั้นมีแนวโน้มและทิศทางที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นที่น่าติดตามต่อว่าแบรนด์ ‘มาร์เก็ตติ้ง1688’ จะกลายเป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่สู่กลุ่มผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ในห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เพราะท้ายที่สุดแล้ว เทคโนโลยีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาเติมเต็มชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า
