‘ไทวัสดุ’ กับกลยุทธ์ Phygital experience ที่สินค้าออนไลน์กับหน้าร้านต้องเหมือนกันทุกอย่าง!

‘ไทวัสดุ’ ประกาศรายได้ปี 2566 ที่ 40,000 ล้านบาท ถือเป็นรายได้ที่สูงที่สุดของบริษัท ซึ่งการเติบโตนี้เหนือกว่าภาพรวมตลาดได้จากการใช้กลยุทธ์ทำต้นทุนให้ต่ำ (Strongest Foudation Low-cost Model) เลือกตัดหัวคิวออกในทุกโปรเสจ เช่น การมีรถบรรทุกขนส่งเป็นของตัวเอง , การดูแลพัฒนาระบบ IT ด้วยตัวเอง และยังเลือกที่จะออกแบบหน้าร้านแบบเรียบง่าย ไม่ลงทุนมากเกินไปแต่เน้นการจัดวางที่เป็นระเบียบ หยิบจับง่าย ขณะที่ปี 2566 ยังเติบโตได้จากการขยายสาขาเพิ่ม รวมไปถึงการเพิ่มสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น สินค้าด้านพลังงานทดแทนอย่างแผง Solar โดย ‘ไทวัสดุ’ตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 12% (CAGR) จนปี 2028 รายได้คาดว่าจะแตะระดับ 70,000 ล้านบาท

1. เป็นเจ้าแรกที่มี Mascot (มาสคอต) เป็นของตัวเอง โดยไทวัสดุได้สร้างมาสคอตตั้งแต่ปี 2010

2. ในปี 2015 เป็นเจ้าแรกที่คิดค้นห้อง Construction Showroom Concept ซึ่งทำให้ลูกค้าไทวัสดุเลือกสินค้าได้แบบสะดวกสบาย รวดเร็ว

3. ในปี 2021 เป็นเจ้าแรกที่ใช้รถบรรทุก EV ซึ่งแผนในปีนี้จะเพิ่มรถบรรทุกไฟฟ้าเป็น 80 คัน คิดเป็นสัดส่วน 32% ของรถขนส่งทั้งหมด

นอกจากนี้ ไทวัสดุ มีนโยบายที่ชัดเจนในแง่ของการขายสินค้าระหว่างออนไลน์ กับ ออฟไลน์ที่เหมือนกันแบบไม่มีการแบ่งแยก ซึ่งสินค้าทั้งหมดจะมีราคาเดียวกัน โปรโมชั่นเดียวกันทั้งหมด และใช้ระบบการชำระเงินแบบเดียวกัน นั่นคือ

– One Price
– One Promotion
– One Coupon
– One Payment System

ซึ่งไทวัสดุเรียกโมเดลนี้ว่า Phygital experience ซึ่งเกิดจากการนำคำว่า Physical ก็คือการซื้อขายสินค้าผ่านหน้าร้าน หรือสาขา มารวมกับ Digital ซึ่งเป็นการขายสินค้าออนไลน์ โดยไอเดียนี้ คุณสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซนทรัลรีเทลกว่าว่า เกิดจากการเห็น Pain point ของผู้บริโภค ที่มาซื้อสินค้าหน้าสาขาแต่ต้องการรับโปรโมชั่นออนไลน์ที่ถูกกว่า หรือมีตัวเลือกมากกว่า จึงต้องกดรับคูปอง ส่วนลด หรือซื้อสินค้าออนไลน์ทั้งๆที่เดินทางเข้ามาที่สาขาแล้ว 

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์