ส่อง 8 เทคโนโลยี ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจใน 3 ปีข้างหน้า

ในโลกของธุรกิจการแข่งขันเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญอยู่ทุกวัน จึงต้องมีการพัฒนาธุรกิจในทุกมิติเพื่อให้สามารถเทียบเคียง หรือสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นในตลาดได้ ซึ่งในสภาพแวดล้อมธุรกิจในปัจจุบันการมองการณ์ไกล หรือมองได้ไกลกว่าทำให้ได้เปรียบ แต่ก็ยังมีตัวแปรใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มความท้าทาย อย่างเช่น ในเรื่องของเทคโนโลยีที่ต้องมีการผสมผสานกับการดำเนินธุรกิจเพื่อยกระดับความทันสมัย ความแปลกใหม่ รวมถึงเพิ่มความขีดสามารถในการแข่งขัน

ซึ่งเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรียกได้ว่ามาไวไปไว แต่ก็ยังมีบ้างบางส่วนที่อยู่นานเพียงแค่พัฒนาซอฟต์แวร์ ผู้ประกอบการจึงต้องมีการติดตามข่าวสาร หรือ เทรนด์อย่างสม่ำเสมอ แต่ส่วนใหญ่ที่ผู้ประกอบการ หรือ อุตสาหกรรม เลือกหันมาใช้เทคโนโลยีร่วมด้วยนั้น เป็นเพราะ ต้องการประหยัดต้นทุน รวมถึงสามารถช่วยให้งานมีความคล่องตัว และ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้เทคโนโลยีจึงถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ เพราะในอนาคตอาจเป็นปัจจัยต้นน้ำหลักของโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่แข่งขันด้วยความเป็นอัจฉริยะ รวมถึงช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกสิ่งอย่างของการดำเนินธุรกิจจะมีความเชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่

โดยอ้างอิงข้อมูลจาก วิจัยกรุงศรี’ ระบุว่า เทคโนโลยีสำคัญที่จะขับเคลื่อนภาคธุรกิจในช่วง 3 ปีหน้า มีดังนี้

1. Artificial intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ และ Generative AI (GenAI) หรือปัญญาประดิษฐ์นักสร้าง : GenAI เป็นเทคโนโลยี AI ประเภทหนึ่งที่สามารถสร้างผลลัพธ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนภายใต้ข้อมูลที่มีอยู่ (Existing data) โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเดิมถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่มีอยู่ในมนุษย์เท่านั้น ทั้งนี้ GenAI สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตลอดจนช่วยลดขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำงานทั่วไปได้ด้วย

2. The Internet of Things (IoT) : จะเน้นการพัฒนาระบบ Sensors เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์เข้ากับระบบบริหารจัดการต่าง ๆ ในโรงงานอัจฉริยะของอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการใช้ร่วมกับ AI ในธุรกิจบริการที่ต้องการความรวดเร็วและแม่นยำ เช่น โรงพยาบาล และท่าอากาศยาน เป็นต้น

3. Robotics : การใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมนุษย์จะแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกทั้งในภาคการผลิตและบริการ เมื่อปัญหาขาดแคลนแรงงานรุนแรงขึ้นในสังคมผู้สูงอายุ

4. Blockchain : เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นทั้งในภาคการเงินและธนาคาร ไปจนถึงธุรกิจบันเทิงและเกมส์ออนไลน์ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อออกแบบการให้บริการในรูปแบบใหม่ ๆ

5. 3D printing : กำลังถูกใช้เพิ่มขึ้นมากขึ้นในงานออกแบบสินค้าปริมาณมาก ๆ ตามความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยเน้นการผลิตที่ต้องอาศัยความรวดเร็ว แม่นยำ ด้วยต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ต่ำ ได้แก่ การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือแพทย์ จนถึงอุปกรณ์ก่อสร้าง

6. Drone : เน้นสู่โดรนขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ปลอดมลพิษมากขึ้น โดยปัจจุบันมีการพัฒนาต่อยอดเป็นโดรนโดยสารและโดรนขนส่งสินค้าในเชิงพาณิชย์ที่กำลังแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น จีน และยุโรป

7. Synthetic biology : เทคโนโลยีด้านชีววิทยาสังเคราะห์ในการออกแบบและดัดแปลงพันธุกรรมที่กำลังมีบทบาทมากในอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต อาทิ การใช้พืชผลิตเนื้อสัตว์เทียมตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่เน้นดูแลสุขภาพ

8. Carbon Capture and Storage : CCS เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสีเขียวตอบโจทย์กระแส ESG (Environment, Social, Governance) มุ่งสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหนัก อาทิ ปิโตรเลียม พลาสติก และซีเมนต์ เพื่อช่วยดักจับคาร์บอนไม่ให้ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ

อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีได้หมุนอยู่รอบตัวเราในทุกวัน เพียงแค่ถูกพัฒนาเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งแนวโน้มในอีก 3 ปีข้างหน้ากับการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ หรืออุตสาหกรรม ก็ต้องดูว่าผู้ประกอบการจะมีการนำข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักในการดำเนินธุรกิจมากเพียงใด

.

ที่มา : วิจัยกรุงศรี

.

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.facebook.com/businessplusonline/ 

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

.

#Businessplus #thebusinessplus #นิตยสารBusinessplus #เทคโนโลยี #วิจัยกรุงศรี